วันพฤหัสบดีที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2560

การชุมนุม ในอุดมคติ (Ideal Movement)

หลังจากที่นายกลุงตู่ ตั้งคำถาม 4 ข้อใหญ่ๆ ให้กับสังคมได้คิด เกี่ยวกับการเมืองหลังยุคปฏิวัติ คสช.

ถ้าคุณเป็นคนไทย คงอดสังหรณ์ใจไม่ได้ว่า ทุกอย่างจะวนกลับสู่วงจรอุบาทว์ เหมือนเคย

วงจรที่ว่า คือความชุลมุนในบ้านเมืองจากการชุมนุมของทุกพรรคทุกสี สลับกันไปสลับกันมา

ทุกครั้งที่มีการชุมนุมจะมีกิจกรรมให้เราได้ประหลาดใจอยู่เสมอ เช่น 'มีอาหารดี ดนตรีไพเราะ' มีการใช้อุปกรณ์มือตบ ตีนตบ มีเพลงปลุกใจประจำสี ต่างๆนาๆ

การชุมนุมที่ดูจะใหญ่โตที่สุด ก็มาในยุคหลังสุดของ กปปส. แต่นอกจากการเป่านกหวีดแล้ว การเคลื่อนไหวก็ไม่ได้ creative ต่างจากครั้งอื่นๆมากสักเท่าไร




ผมกังวลเหลือเกินว่าการชุมนุมในอนาคต จะมีใครไหม?? สร้างสรรค์วิธีการสร้างความวุ่นวาย ที่พอจะเป็นประโยชน์ต่อสังคม เช่น

แทนที่จะเป็นการปราศรัยทั่วไป  ทำไมแกนนำไม่รณรงค์ให้คนไทยแสดงออก ด้วยการปิดไฟประท้วง ทุกวันเป็นเวลา 1 ชั่วโมง แต่เปิดทีวีดูการถ่ายทอดจากเวที

แทนที่จะเป็นการปราศรัยทั่วไป  ทำไมแกนนำไม่ประท้วงโดยการเชิญชวนให้พ่อค้าแม่ค้าร่วมจัดนิทรรศการขายของลดราคาให้ประชาชน และเชื้อเชิญให้ชาวบ้านมาอุดหนุน ช้อปปิ้งของถูกไปฟังปราศรัยไปเพลินๆดี

แทนที่จะเป็นการปราศรัยทั่วไป  ทำไมแกนนำไม่เสนอให้มีการปลูกต้นไม้ประท้วงให้ครบ 1 ล้านต้น แทนที่จะเอาน้ำมันมาคนละ 1 ลิตร เปลี่ยนเป็นเมล็ดพันธ์คนละ 1 ชนิด ดีกว่าไหม

แทนที่จะเป็นการปราศรัยทั่วไป  ทำไมแกนนำไม่ริเริ่มให้ทำการบริจาคเลือดประท้วง หรือจะผลัดกันเดินขบวนไปที่สภากาชาติเพื่อบริจาคโลหิตทุกวัน ดีกว่าการเดินไปสาดโลหิต ที่มีแต่จะสร้างความเดือดร้อนและไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมใดๆเลย

และแทนที่จะถือเพียงนกหวีด  ทำไมแกนนำไม่จัดให้แต่ละคนมีไม้กวาด บุ้งกี๋และถุงดำ ติดไม้ติดมือไปด้วย ถนนทุกสาย คูคลองทุกแห่งที่เดินผ่าน จะได้ถูกปฏิรูปด้วยมือของประชาชนอย่างแท้จริง

แต่ทางที่ดีที่สุดของประเทศ คือการไม่ต้องมาคิดหาวิธีการประท้วงที่สร้างสรรค์ เพราะคนไทยได้พิสูจน์มานับ 10 ปีแล้วว่า การชุมนุมไม่ใช่ทางออกที่ยั่งยืนของส่วนรวม

โดย จัฐสิพศ เลิศชัยประเสริฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น