วันอังคารที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

เปรียบเทียบ การท่องเที่ยวไทย vs. ญี่ปุ่น

ประเทศญี่ปุ่น ถือว่าเป็นสถานที่ยอดฮิตอันดับต้นๆของคนไทย หลังจากที่รัฐบาลญี่ปุ่นได้ประกาศยกเลิกการขอวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย เพื่อเป็นปัจจัยหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่น ที่มีแนวโน้มซบเซาต่อเนื่องมาระยะหนึ่ง

ประกอบกับธุรกิจสายการบินมีการแข่งขันสูงขึ้น การเพิ่มขึ้นของ low-cost airline ทำให้ค่าโดยสารโดยเฉลี่ยต่ำลง คนจำนวนมากสามารถเข้าถึงบริการได้ไม่ยากนัก

ในปี 2016 คนไทยที่ไปญี่ปุ่นประมาณ 1,000,000 คน ถ้าคิดคร่าวๆขั้นต่ำว่า ค่าใช้จ่ายต่อคน เท่ากับ 40,000 บาท ประเทศซามูไรจะได้รับเงินจากคนไทย ปีละประมาณ 40,000 ล้านบาท

ไม่นับรวมประเทศจีน เกาหลี ใต้หวัน อเมริกา ที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปแดนอาทิตย์อุทัยมากกว่าคนไทยหลายเท่าตัว

ด้วยเหตุนี้ ใครที่ได้เดินทางไปญี่ปุ่นจะพบว่า ธุรกิจการค้าของเขาดูคึกคัก โรงแรมใกล้สถานีรถไฟจะถูกจองเต็มล่วงหน้าหลายเดือน ผู้คนดูหนาแน่นไปทุกหนทุกแห่ง ร้านค้าจะต้องมีป้ายกำกับหลากหลายภาษา ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น จีน ฝรั่ง รวมถึงภาษาไทย

ข้อมูลของ JTB tourism research ปี 2016 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่น 24 ล้านคน ส่วนประเทศไทยในปีเดียวกัน มีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาในแผ่นดินประมาณ 32 ล้านคน

ส่วนต่างนักท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศคิดเป็นร้อยละ 25 โดยที่แผ่นดินไทยมีพื้นที่ 513,000 ตร.กม. ซึ่งกว้างใหญ่กว่าแผ่นดินญี่ปุ่นที่มีพื้นที่เพียง 377,000 ตร.กม. คิดเป็นประมาณร้อยละ 26.5 ซึ่งเปรียบเทียบระหว่างข้อมูลทั้ง 2 แล้วใกล้เคียงและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน

ส่วนประมาณการณ์รายได้ที่ประเทศและคนไทยจะได้รับจากนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยอยู่ที่ 1.6 ล้านล้านบาท ในขณะที่ประเทศญี่ปุ่นจะมีรายได้ดังกล่าวประมาณ 1.1 ล้านล้านบาท เทียบเป็นส่วนต่างโดยประมาณร้อยละ 31 แสดงว่าการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวในประเทศไทยนั้นดีกว่าญี่ปุ่นเล็กน้อย

*ข้อมูลโดยประมาณ2016
ไทย
ญี่ปุ่น
ส่วนต่าง ร้อยละ (%)
พื้นที่ (ตร.กม.)
513,000
377,000
26.5%
จำนวนนักท่องเที่ยว (ล้านคน)
32
24
25%
รายได้จากนักท่องเที่ยว (ล้านล้านบาท)
1.6
1.1
31%
การใช้จ่ายต่อหัว (บาท)
50,000
45,800
8.4%

จากข้อมูลดิบข้างต้นจะเห็นได้ว่า ในแง่ของปริมาณและคุณภาพของนักท่องเที่ยวแล้ว ประเทศไทยทำได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าประเทศญี่ปุ่นในทุกด้าน ทั้งๆที่โครงสร้างพื้นฐานของเรายังตามหลังเขาอยู่มากหลายสิบปี

ทางการและผู้มากข้อมูลมักจะบอกว่า ประเทศไทยไม่สามารถรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มมากกว่านี้ได้ แต่จะต้องเน้นนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพมากขึ้น คือ นักท่องเที่ยวรายได้สูงและพร้อมที่จะใช้จ่ายสูง ไม่ใช่จะเข้ามาใช้ประโยชน์จากทรัพยากรของประเทศเพียงอย่างเดียว

ตรงนี้ต้องบอกว่าเห็นด้วยส่วนหนึ่ง ในขณะที่อีกด้านหนึ่งคงไม่ง่ายที่จะหานักท่องเที่ยวคุณภาพได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ในเมื่อเขาเหล่านั้นมีทางเลือกอีกร้อยกว่าทาง และเราไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงที่จะเป็นจุดดึงดูดให้เขารู้สึกว่าพลาดไม่ได้

เพราะฉะนั้น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภคให้ได้ใกล้เคียงกับประเทศญี่ปุ่นเมื่อไร ด้วยวัฒนธรรม ประเพณี ประวัติศาสตร์ ความสะดวก และราคาสบายกระเป๋า ประเทศไทยจะสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้เพิ่มขึ้น และสามารถสร้างรายได้หมุนเวียนให้กับธุรกิจของชาวไทยได้อีกมาก

ในมุมของเอกชน เขาน่าจะปรับตัวล่วงหน้าพร้อมต้อนรับลูกค้าของเขาไปพอสมควรแล้ว หวังแต่เพียงภาครัฐที่หยุดชะงักมานับ 10 ปี จะได้เร่งพัฒนาโครงสร้างสาธารณะอย่างต่อเนื่อง ไม่เป็นเหมือนทศวรรษที่สูญหายไปดังที่ผ่านมา

ทั้งนี้รวมถึงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ระบบการขนส่งโดยสาร ระบบการดูแลความสงบเรียบร้อยของเจ้าหน้าที่ และการสร้างสตอรี่ (story) ให้นักท่องเที่ยวหลงใหลในการเดินทางมาเยือนประเทศไทย (ซึ่งจะได้เขียนในตอนต่อไป)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น