เห็นได้ชัดว่ามรดกที่บรรพบุรุษได้สร้างไว้ให้กับประเทศชาตินั้นล้ำค่าขนาดไหน สามารถดึงดูดให้ผู้คนมาเยือนได้มากที่สุดในโลกอย่างต่อเนื่อง
แสดงว่าประเทศนี่ที่เจ้าของประเทศชอบพูดกันว่าไร้ระเบียบ ไร้วินัย หรือแม้แต่ไร้(การบังคับใช้)กฏหมาย ก็ยังเป็นประเทศที่มีศักยภาพด้านกิจกรรมการท่องเที่ยวไม่แพ้ใครในโลก
นี่ขนาดยังไม่ได้มีการออกมาตรการดึงดูดชาวต่าชาติแบบจริงๆจังๆเหมือนกับประเทศญี่ปุ่น
จะมีก็แต่นโยบายช็อปช่วยชาติของรัฐบาล ที่มอบสิทธิการลดหย่อนภาษี 15,000 บาท ให้กับประชาชนคนชั้นกลางที่เสียภาษีบุคคลธรรมดาก็เท่านั้น
ผู้ที่ได้รับประโยชน์โดยตรงอีกกลุ่มก็คือ ห้างสรรพสินค้าทุกแห่งทั่วประเทศ ที่มีระบบการออกบิลอย่างถูกต้อง รวดเร็ว ครบถ้วน ซึ่งล้วนแต่มีเศรษฐีและนายทุนเป็นเจ้าของห้าง
ถ้าสามารถสื่อสารผ่านข้อความไปยังผู้ออกนโยบายของรัฐบาลนี้ได้ จะขอบอกว่าเมื่อเขาได้รับประโยชน์นี้มาแล้วหลายปี
ทำไมไม่ให้เขาช่วยสังคมเล็กๆน้อยๆ ขอความร่วมมือให้ประกาศประชาสัมพันธ์และทำป้ายตั้งอยู่ทุกทางขึ้น-ลงบันใดเลื่อนในห้าง
เริ่มต้นจากการใช้บันใดเลื่อน ให้ยืนฝั่งเดียวกันทั้งหมด จะซ้ายหรือขวาก็เลือกเอาอันใดอันหนึ่งให้เหมือนกันหมดทั้งประเทศ
เว้นว่างอีกฝั่งหนึ่งไว้ให้สิทธิกับคนที่กำลังเร่งรีบ จะได้เดินขึ้นไปได้
เป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ ซึ่งดูผิวเผินอาจเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ประเทศที่มีปัญหาคอรัปชั่นน้อย ประชาชนเขาต่างก็เลือกยืนบนบันใดเลื่อนฝั่งเดียวกันทั้งนั้น
การลงทุนของห้างสรรพสินค้าเท่านี้ เทียบกันไม่ได้เลยกับกำไรที่เขาได้รับจากนโยบายช่วยชาติของรัฐบาลคุณลุงประยู้ดดด..
ถ้าสามารถเริ่มต้นวินัยง่ายๆแบบนี้ได้แล้ว ผสมรวมกับมกดกทางวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษ
เชื่อเหลือเกินว่าไม่เพียงแต่กรุงเทพมหานครเท่านั้น แต่หัวเมืองท่องเที่ยวต่างๆในประเทศไทย ย่อมเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้มากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
ทำแบบนี้ได้ สุดท้ายผลประโยชน์ที่ได้รับจะตกอยู่กับคนไทยส่วนใหญ่ไม่ว่าจะรายได้มากหรือรายได้น้อยก็ตามที
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น