วันอังคารที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

Japan stories

มีอาจารย์ท่านหนึ่งกล่าวไว้ว่า ใครจะทำธุรกิจอะไร ให้ไปดูงานที่ญี่ปุ่น ถ้าทำแบบนั้นไม่ได้ ให้กลับมาคิดดูใหม่ว่าทำแล้วจะไปรอดไหม

มีอาจารย์อีกท่านหนึ่งบอกว่า ประเทศมีจุดเด่นด้านการให้บริการที่สุดไม่ใช่ไทย แต่เป็นญี่ปุ่น สังเกตได้จากการทักทาย การขอบคุณ ความอ่อนน้อม โค้งแล้วโค้งอีก

ฟังดูแล้วราวกับว่าประเทศญี่ปุ่นดูดีกว่าเมืองไทยแทบจะทุกมิติ

ทุกคนที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นจะต้องพบว่า สถานที่แต่ละแห่งเขามักจะสร้างเรื่องราวให้เป็นที่น่าสนใจ (ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ก็ตาม) หรือที่สมัยนี้เรียกกันว่า มีสตอรี่ (story)

ที่วัดดังในกรุงโตเกียว จะมีกระถางธูปที่ชาวญี่ปุ่นเชื่อกันว่าถ้ากวักควันจากกระถางนั้นเข้าหาตัวแล้ว จะมีโชคลาภเข้ามา จะถูกจะผิด จะเชื่อไม่เชื่อ ไม่ทราบได้ แต่คนส่วนมากมักจะต้องไปที่วัดนี้ แม้ฝูงชนจะเบียดเสียดแค่ไหน ต้องเดินเข้าไปให้ถึงกระถางธูปและทำตามนั้น

ที่ภูเขาแห่งหนึ่ง มีไข่ดำที่เกิดจากกำมะถัน เชื่อกันว่าใครได้กินไข่ 1 ฟอง จะมีอายุยืนขึ้น 7 ปี จะถูกจะผิด จะเชื่อไม่เชื่อ ไม่ทราบได้ แต่คนส่วนใหญ่จะต้องไปที่นั่น และกินไข่ดำที่ราคาสูงกว่าท้องตลาดหลายร้อยเปอร์เซนต์

ที่พักในต่างจังหวัด จะมีที่พักแบบวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่เรียกว่า 'เรียวกัง' และมีบ่อน้ำแร่ร้อน 'ออนเซ็น' ให้แช่ตัว โดยส่วนมากจะมีบริการระดับ 5 ดาว พนักงานอ่อนน้อมตามแบบฉบับชาวญี่ปุ่นโบราณ บริการพร้อมอาหารสุดหรู และแน่นอนราคาแพงกว่าที่พักทั่วไปหลายร้อยเปอร์เซนต์

ที่น่าประหลาดใจเป็นอย่างยิ่งคือ ไข่ลวกของไทยๆ ราคา 10-20 บาท/ฟอง แต่ถ้าพลิกมุมนิดเดียว เป็นไข่(ลวก)ออนเซนแบบญี่ปุ่น ราคาจะแพงขึ้นมาทันที 3-4 เท่าตัว

เนื้อวัวในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นเนื้อที่มีความอร่อยระดับโลก ความนุ่มระดับละลายในปาก มีวิธีการเลี้ยงแบบพิเศษ โดยทั่วไปเนื้อวัวจะเป็น 'เนื้อติดมัน' แต่ที่ญี่ปุ่นเขาเลี้ยงด้วยวิธีพิเศษให้เป็นเนื้อแบบ 'มันติดเนื้อ' และแน่นอนราคาแพงกว่าตลาดทั่วไปหลายร้อยเปอร์เซนต์

ที่กล่าวมาทั้งหมดนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ยอมจ่ายราคาสุดแพงโดยดุษฎี

เพราะมันคือเสน่ห์ของ STORY และเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวของธุรกิจท่องเที่ยว

จากประสบการณ์ส่วนตัว คงจะบอกได้ว่าร้านอาหารที่อร่อยในญี่ปุ่น จะเป็นร้านที่เล็กๆแคบๆ เจ้าของร้านทำกันเอง และมักจะไม่ใช่ร้านแฟรนไชส์

บางร้านคนยืนต่อคิวเพื่อรอที่นั่งออกมานอกร้าน ตั้งแต่ร้านเปิด 10.30 น. จนเดินผ่านไปอีกที 14.30 น. ตลอด 4-5 ชั่วโมง ก็ยังมีคิวยืนรอยาวเหยียดทั้งๆที่ฝนก็ตกโปรยปราย




ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะร้านแคบ ที่นั่งน้อย หรือลูกค้าอาจมาเกินปริมาณที่ร้านสามารถรองรับได้

ถ้าสถานการณ์นี้เกิดขึ้นกับนักธุรกิจ แน่นอนว่าจะต้องคิดถึงการขยายร้านเพื่อให้บริการลูกค้าที่มีความต้องการมากขึ้น

เราไม่รู้ว่าชาวญี่ปุ่นคิดแบบเดียวกันหรือไม่ อาจเป็นเพราะข้อจำกัดบางประการทำให้เขาไม่สามารถทำแบบนั้นได้ หรือที่จริงแล้วเขาเพียงแค่ต้องการทำสิ่งที่เป็นอยู่ให้ดีที่สุดอย่างใส่ใจทุกรายละเอียด

นี่คงเป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้คนไทยจำนวนมากชอบเที่ยวญี่ปุ่น

ร้านค้าของชาวญี่ปุ่น จะมีสินค้าวางเรียงรายกันเต็มชั้น ฉลากสินค้ามีรูปและตัวหนังสือใหญ่ๆ สีสันสดใสดูลายตาไปหมด ที่สำคัญร้านค้าจะเปิดไฟสว่างมากทุกดวง เสมือนฟรีค่าไฟ แม้ในตอนกลางวันก็เปิดไฟสว่างมากกว่าคนไทยเปิดไฟในตอนกลางคืน




ยิ่งมีนโยบายดึงดูดนักช้อปต่างชาติ tax-free shop ที่กำหนดการใช้จ่ายขั้นต่ำต่อใบเสร็จที่ 1,500 บาทด้วยแล้ว ยิ่งทำให้สินค้าภายในร้านเป็นที่นิยมของทั้งชาวไทยและชาวจีน

ด้วยนโยบาย กลยุทธ์ คุณภาพผลิตภัณฑ์ เอกลักษณ์ ประเพณี และความใส่ใจทุกรายละเอียดของชาวญี่ปุ่น ส่งผลให้ธุรกิจการค้าของคนญี่ปุ่นได้ประโยชน์ไปเต็มเม็ดเต็มหน่วย

ปัจจัยทั้งหมดที่กล่าวมา ไม่มีอะไรที่อยู่ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ที่คนไทยจะทำบ้างไม่ได้

ที่สำคัญกว่านั้น ถ้าเราเสริมนโยบายที่ให้สิทธิพิเศษและความมั่นใจกับนักท่องเที่ยวด้วยแล้ว คงยากที่ประเทศไทยจะไม่เป็นอันดับหนึ่งในจุดหมายปลายทางของชาวต่างชาติทั่วโลก โดยเฉพาะลูกค้าระดับคุณภาพที่เรากำลังหมายปอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น