วันพฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2559

โชคดีที่กล่องแตก

คนจำนวนไม่น้อยกำลังมีคำถามในใจว่า วันอาทิตย์ที่ 7 ส.ค. 2559 จะตัดสินใจ 'รับ หรือ ไม่รับ' รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2559 และคงอดสงสัยไม่ได้ว่าถ้ารับหรือไม่รับ ผลที่ได้มันจะแตกต่างกันหรือไม่ มีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนอย่างไร

ที่น่างุนงงสับสนไปยิ่งกว่านั้นคือ คณะผู้จัดทำร่างกฏหมายสูงสุดของประเทศ ซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิมากด้วยประสบการณ์และความรู้ บอกอยู่เสมอว่ารัฐธรรมนูญนี้เป็นฉบับปราบโกง จึงพูดกันต่อไปว่านักการเมืองขี้โกงจะไม่ยอมรับร่างฉบับนี้ ในอีกมุมหนึ่งกลับมีการออกมาพูดของนักการเมืองที่ไม่เคยมีประวัติการคอรัปชั่นมาก่อนแม้แต่ครั้งเดียว โดยให้เหตุผลหนึ่งว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ตอบโจทย์เรื่องการแก้ปัญหาทุจริตคอรัปชั่น และยังทำให้กระบวนการตรวจสอบถ่วงดุลบางอย่างอ่อนแอลง

ความเป็นจริงแล้วทุกคนในประเทศนี้รู้ดีอยู่ในใจว่า ปัญหาความขัดแย้ง ปัญหาการทุจริตที่เกิดขึ้นทั้งหมด แทบไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดใดกับรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา และรัฐธรรมนูญไม่ได้เป็นปัญหาของชาติที่จะต้องมาคอยแก้ไข เพราะถึงจะแก้อย่างไรก็แก้ปัญหาที่เราเผชิญกันไม่ได้ ไม่เช่นนั้นเราคงไม่ต้องมีรัฐธรรมนูญมากถึง 19 ฉบับ นับตั้งแต่ปีพ.ศ.2475 ถึงปัจจุบัน และกำลังจะก้าวเข้าสู่ฉบับที่ 20 ในวันที่ 7 ส.ค. 2559 ที่จะถึงนี้ เพราะฉะนั้นจากประวัติศาสตร์จึงบอกกับเราว่า "การฉีกและแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ใช่ทางออกของปัญหา"

หลายคนจึงพูดกันว่า จะรับหรือไม่รับ ก็ไม่มีอะไรแตกต่างกัน นอกจากการกากบาทคนละช่องเท่านั้น แล้วยังวิเคราะห์กันต่อไปถึงอนาคตอีกด้วยว่า ปัญหาความขัดแย้งก็จะวนเวียนกลับมาเป็นเหมือนเดิมเมื่อนักการเมืองคนเดิมๆเข้ามามีตำแหน่งมีอำนาจ

ในเมื่อความรู้สึกของคนจำนวนมากบอกว่าไม่มีอะไรแตกต่างระหว่างรับหรือไม่รับ และรัฐธรรมนูญไม่ใช่สาเหตุของปัญหาความวุ่นวายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ผมจึงอยากขอให้ทุกคนออกไป กากบาท "รับ" ร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559 ด้วยเหตุผลดังนี้ (โดยไม่คำนึงถึงเนื้อหาอย่างมีนัยสำคัญ)

1. ที่เราจำเป็นต้องกากบาท เพราะเราไม่สามารถกาเครื่องหมายถูกได้ ซึ่งจะทำให้เป็นบัตรเสีย ด้วยตรรกะที่ว่า เดิมทีการออกเสียงเลือกตั้งสามารถกาเครื่องหมายใดก็ได้ในช่องที่กำหนดไว้ จึงมีนักการเมืองหัวหมอบอกกับพี่น้องประชาชนว่า ถ้าท่านเห็นว่าผมเป็นคนดี ให้ไปกาเครื่องหมายถูกที่ช่องของผม แต่ถ้าท่านเห็นว่าผมเป็นคนเลว ให้ไปกาเครื่องหมายผิดที่ช่องของผม สรุปนักการเมืองหัวหมอได้รับชัยชนะจากการออกเสียงดังกล่าว แล้วอนาคตประเทศจะเป็นอย่างไรก็คงทราบกันดี

2. "รับ" ร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อความมีเสถียรภาพของประเทศ เพื่อการกำหนดเป้าหมายของประเทศที่ชัดเจนขึ้น เพราะการ 'ไม่รับ' จะทำให้เกิดความรู้สึกว่าอนาคตไม่มีความแน่นอน ไม่รู้ทิศทางประเทศจะเดินต่อไปทางไหน 

3. ตลาดหุ้นกลัวความไม่แน่นอน นอกจากสภาวะเศรษฐกิจแล้ว "การ 2 การ" ที่ส่งผลร้ายต่อตลาดหุ้นอย่างรุนแรง คือ การเมือง และ การก่อการร้าย เมื่อใดที่เกิดการก่อการร้าย ดัชนีตลาดหุ้นจะตกทันที และเมื่อใดที่เกิดความเสี่ยงทางการเมือง ตลาดหุ้นก็จะตกทันทีเช่นกัน โดยเฉพาะการถอนเงินออกของนักลงทุนต่างชาติ เพราะฉะนั้นคนที่ถือหุ้นอยู่ในมือและหวังให้หุ้นขึ้นต่อไปอีก ยิ่งต้องรีบออกไปกากบาท "รับ" ร่างรัฐธรรมนูญ

4. สำหรับใครที่กำลังชั่งใจว่าจะไม่ออกไปใช้สิทธิ์ แล้วผลออกมาว่า 'ไม่รับ' เราจะต้องเสียงบประมาณจากภาษีอากร ค่าร่างฉบับใหม่ (ครั้งที่ 3) ค่าเบี้ยประชุม ค่าเบี้ยเดินทาง หรือค่าจัดการลงประชามติอีกเท่าไร โดยที่ไม่มีอะไรการันตีได้ว่าจะดีกว่าเดิม และปัญหาในอดีตจะหมดไป

โชคดีที่วันก่อน อ.สมชัย กกต. โยนกล่องหย่อนบัตรเลือกตั้งโชว์ความทนทานต่อนักข่าว แต่กล่องดันแตกจนเป็นข่าวบันเทิงดัง ทำให้คนไทยรู้สึกตัวว่าใกล้ถึงวันออกเสียงประชามติแล้ว และทำให้เจ้าหน้าที่รู้ตัวว่าวันจริง 7 ส.ค. 59 ห้ามโยนกล่องโดยเด็ดขาด เพราะกล่องมันไม่ได้ทำมาไว้สำหรับโยน



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น