วันอังคารที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ความสะดวก - ความปลอดภัย อะไรสำคัญกว่า

จัฐสิพศ เลิศชัยประเสริฐ

ทำไมสถิติการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนของประเทศไทยจึงสูงมากเป็น ลำดับดับที่ 2 ของโลก เป็นรองประเทศสาธารณะรัฐโดมินิกันเพียงประเทศเดียว และจากสถิติ 20 อันดับแรกของประเทศที่มีการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนสูงสุด ไม่มีแม้แต่ประเทศเดียวที่ได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว วันนี้อาจถึงเวลาที่จะต้องตั้งคำถามหรือไม่ว่า ความสะดวกสบาย กับ ความปลอดภัยของชีวิต อะไรสำคัญกว่ากัน

คนจำนวนไม่น้อยในสังคมกำลังเรียกร้องหาความสะดวกสบาย โดยลืมคำนึงถึงความปลอดภัยที่อาจลดน้อยลง ภัยอันตรายของคนใช้รถใช้ถนนปัจจุบันเป็นอย่างไร น่าจะยืนยันได้จากจำนวนรถที่ติดตั้งกล้องบันทึกเหตุการณ์ขณะขับขี่เพื่อใช้เป็นหลักฐานเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้น หรือจะนับจากปริมาณข่าวสารที่ถูกนำเสนอผ่านคลิปวีดีโอที่ได้มาจากกล้องติดหน้ารถนั้นก็มีมาให้เห็นไม่เว้นแต่ละวัน

บางคนบอกว่าการสูญเสียที่เกิดขึ้นเป็นเพราะความประมาทเลินเล่อของคนขับ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ หรือรถโดยสารสาธารณะ ซึ่งที่ผ่านมาหลายสิบปีหน่วยงานต่างๆก็ได้ใช้มาตรการร้อยแปดพันเก้าจากเบาไป หาหนัก จากปรับจับขังคุกไปจนถึงขั้นที่ต้องยึดรถ แต่ปริมาณอุบัติเหตุและการสูญเสียก็ไม่มีทีท่าว่าจะลดลงแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นการกระทำแบบเดิมๆในสภาพแวดล้อมเดิมๆ แต่หวังผลที่แตกต่างนั้นมีทีท่าว่าจะเป็นไปไม่ได้

ลองย้อนกลับมาดูที่ระบบโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมและค่อยๆปรับปรุงสิ่งเหล่านี้ให้ได้คุณภาพ มีมาตรฐาน ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในชีวิตของคนไทยเหนือสิ่งอื่นใด ถนนใหญ่หรือถนนสายหลักที่ดีนั้นควรจะมีไหล่ทางทั้งด้านซ้ายและขวาสุด ถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่าถนนสายหลักหลายสายของประเทศไทยซึ่งล้วนเป็นถนนที่รถใช้ความเร็วสูงนั้น มักจะไม่มีไหล่ทางและตีเส้นถนนติดกับขอบฟุตบาทเกาะกลางถนน ซึ่งจะไม่ปราณีให้กับความผิดพลาดของคนขับรถเลย ยิ่งถ้ามีการหักหลบสิ่งกีดขวางบน หรือสภาพชำรุดของผิวถนนด้วยแล้วจะยิ่งเพิ่มความอันตรายต่อผู้ร่วมใช้ถนนคนอื่นด้วย

ในปัจจุบันถนนหลายแห่งรวมถึงสะพานกลับรถและสะพานข้ามแยก มักจะชอบตีช่องจราจรให้มีขนาดเล็กลงเพื่อเพิ่มช่องจราจร เช่น จาก 3 เลน เป็น 4 เลน เป็นต้น และเปลี่ยนไหล่ทางให้กลายเป็นช่องรถวิ่งได้อีกช่องทางหนึ่ง เพื่อรองรับปริมาณรถที่เพิ่มขึ้นเกินกว่าจำนวนถนนที่สามารถรองรับได้ และอาจจะเพื่อป้องกันการถูกต่อว่าร้องเรียนจากคนใช้รถใช้ถนนว่ารถติดสาหัส แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่มาดูแลอำนวยความสะดวกให้พี่น้องประชาชน ตัวอย่างเหล่านี้ล้วนแต่เป็นการอำนวยความสะดวกที่ละเลยการคำนึงถึงความ ปลอดภัยที่ลดน้อยลงของประชาชนคนใช้ถนน โดยเฉพาะเมื่อรถที่มีขนาดใหญ่ขับค่อมเลนหรือเลยช่องของตนเองออกมา จึงทำให้เกิดการอุบัติเหตุเฉี่ยวชนจนเลยเถิดไปถึงการเบียดแย่งเลน การปาดหน้าเอาคืนและชกต่อยทะเลาะวิวาทในที่สุด ซึ่งจุดเริ่มต้นนั้นอาจเกิดขึ้นเพียงจากความไม่ตั้งใจที่ไร้ทางเลือกเท่านั้น

เกาะกลางถนนที่มีลักษณะเป็นฟุตบาทและปลูกต้นไม้ หรือพุ่มไม้เตี้ยๆที่มิดสายตาคนขับรถไว้ นอกจากจะมีภาระต้องคอยขับรถมาเพื่อรดน้ำแล้ว ยังบดบังทัศนวิสัยของคนใช้ถนนอีกด้วย เราจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่ารถในด้านตรงกันข้ามอาจกำลังเกิดอุบัติเหตุและ พุ่งข้ามพุ่มไม้มายังถนนฝั่งตรงกันข้ามที่รถกำลังแล่นสวนมาด้วยความเร็วสูง โดยที่ไม่มีโอกาสได้ชะลอความเร็วหรือหักหลบเลย ซึ่งจะทำให้รถชนกันแบบประสานงาซึ่งนับว่าเป็นอุบัติเหตุที่มีความรุนแรงมากที่สุดรูปแบบหนึ่ง ถนนที่มีลักษณะนี้ อาทิ ถนนบรมราชชนนี ซ้ำร้ายไปกว่านั้นเป็นถนนที่คนขับรถมักจะใช้ความเร็วสูง มีช่องจราจรแคบ และผิวถนนบางจุดชำรุด

ที่จริงแล้วถนนแทบทุกสายของเมืองไทยจะมีลักษณะเป็นหลุมเป็นบ่อ คอสะพานชำรุดทรุดโทรม ไม่เว้นแม้แต่ในใจกลางกรุงเทพมหานครหรือถนนการทางพิเศษที่คนใช้รถต้องชำระค่าผ่านทาง จะด้วยการบรรทุกเกินน้ำหนักที่กฏหมายกำหนดหรือการก่อสร้างผิดเสปคก็แล้วแตสิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อความปลอดภัยของผู้ใช้ถนนทั้งสิ้น ความไม่มีมาตรฐานนี้ทำให้รถที่ขับช้ามักจะชอบแช่ขวาเพราะเป็นช่องทางที่ถนน เสียหายน้อยที่สุดหรือเป็นช่องที่ราบเรียบที่สุด ส่วนรถที่ขับเร็วจึงต้องพยายามแซงซ้ายแล้วตีกลับเข้าช่องทางขวาหาพื้นผิวถนนที่ดีที่สุดโดยเร็วเช่นกัน โดยธรรมชาติของรถยนต์ที่พวงมาลัยอยู่ด้านขวา การแซงซ้ายจะทำให้คนขับไม่มีทัศนวิสัยที่ดีเพียงพอจึงทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นบ่อยครั้ง

ในกรณีล่าสุดจากคลิปเหตุการณ์ที่รถยนต์โตโยต้ารุ่นเก่าขับพุ่งชนรั้วเหล็กด้วยความเร็วต่ำเข้าไปในศาลท้าวมหาพรหม หรือที่รู้จักกันว่าพระพรหมเอราวัณบริเวณสี่แยกราชประสงค์ แสดงให้เห็นว่ารั้วกั้นสีเขียวบริเวณแยกไฟแดงทั้งหลายนั้นไร้ซึ่งความทนทาน ไม่สามารถป้องกันความอันตรายจากอุบัติเหตุบนท้องถนนที่จะมีต่อคนเดินเท้าได้เลย ในอีกมุมหนึ่งแสดงให้เห็นว่ารั้วกั้นริมฟุตบาทนั้นใช้เพื่อป้องกันคนเดินเท้าไม่ให้เผลอก้าวลงมาก่อกวนคนใช้รถใช้ถนนซึ่งอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชนได้ จากเหตุการณ์นี้ทำให้นึกถึงคำกล่าวที่ว่า ความกว้าง(คุณภาพ)ของฟุตบาทแสดงถึงความเจริญของประเทศ เคราะห์ดีที่รถแล่นมาด้วยความเร็วต่ำทำให้ไม่มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สุด วิสัยนี้

จริงอยู่ที่บางคนบอกว่ากรณีเหล่านี้ล้วน เป็นเหตุสุดวิสัยที่ไม่มีใครต้องการให้เกิดขึ้น แต่อุบัติเหตุหรือเหตุสุดวิสัยบางอย่างเราสามารถป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นได้ หรือลดอัตราการสูญเสียที่อาจตามมาได้ จะโดยการออกแบบวางแผนให้ได้มาตรฐาน จะโดยการฝึกฝนให้ชำนาญก่อนปฏิบัติจริง จะโดยการซักซ้อมการรับมืออุบัติเหตุในรูปแบบต่างๆ หรือจะโดยการคืนกลับสู่สามัญ back to basic เช่น ไม่ปรับเปลี่ยนช่องจราจรให้มีขนาดเล็กลงจากเดิมที่ผู้ก่อสร้างได้ออกแบบไว้ ดีแล้ว แต่ให้ตีเส้นจราจรให้เด่นชัดขึ้นและคงมีไหล่ทางเอาไว้ โดยเฉพาะถนนหลักที่รถใช้ความเร็วสูง เปลี่ยนใช้แท่งปูนที่เรียกว่า barrier ที่แข็งแรงเพียงพอยึดติดกับพื้นถนนป้องกันรถพุ่งข้ามฝั่งถนน แทนเกาะกลางถนนเตี้ยๆที่ปลูกเป็นพุ่มไม้ซึ่งไม่ได้ช่วยป้องกันอุบัติเหตุ แต่ยังสิ้นเปลืองกว่าในระยะยาว แท่งปูนที่ว่านี้ยังสามารถป้องกันเหตุรถพุ่งขึ้นฟุตบาทไปชนคนเดินเท้าตามสี่แยกตามแหล่งชุมชนคนหนาแน่นได้ดีกว่า สำหรับวิธีการลดจำนวนรถบนท้องถนนอ่านต่อได้ที่บทความเรื่อง 'ปัญหาประจำวันของคนกรุงเทพ'

ทุกท่านคิดเห็นอย่างไร สามารถแสดงความเห็นได้ที่ช่องด้านล่าง ขอบคุณครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น