คุกเมืองไทย เอาไว้ขังใคร...
จัฐสิพศ เลิศชัยประเสริฐ
บางคนบอกว่าคุกเอาไว้ขังคนจน แต่ความจริงแล้ว คุกมีไว้ขังคนทำความผิด ละเมิดกฏหมายบ้านเมือง จะเป็นลูกตำรวจ ลูกนายทหาร ลูกรัฐมนตรี หรือลูกนายกฯ หรือแม้แต่ตัวนายกฯเอง ถ้าทำผิด ก็ต้องมีสิทธิ์นอนคุก เพียงแต่ว่าโดยข้อเท็จจริงแล้ว คนยากคนจน มักจะขาดความรู้และทุนทรัพย์ในการจ้างทนายความ ต่อสู้คดี หรือแม้แต่หลักทรัพย์ในการประกันตัว เราจึงไม่ค่อยเห็นคนมั่งคนมีได้เข้าไปอยู่หลังลูกกรงห้องขังสักเท่าไร และข้อเท็จจริงอีกประการหนึ่ง ด้วยสภาพบ้านเมืองของสังคมไทยที่คนร่ำคนรวยมักจะมีเครือข่าย มีคอนเน็คชั่นกับคนที่มีอำนาจมากบารมี คนเหล่านี้จึงยากที่จะได้นอนคุกนอนตารางแบบคนทั่วไป
เมื่อพูดถึงคุกถึงตาราง จึงมีความเกี่ยวโยงโดยปฎิเสธไม่ได้กับผู้พิทักษ์สันติราษฏร์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จากกรณี #ลูกตำรวจแล้วไง#ทำร้ายชายพิการ ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนว่า ผมก็มีเพื่อนพี่น้องคนรู้จักเป็นลูกตำรวจ เป็นตำรวจอยู่หลายท่าน ตำรวจเกือบทั้งหมดเป็นตำรวจที่ดี มีศักดิ์มีศรีในอาชีพของเขา คอยช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ให้กับประชาชน พวกเราควรยกมือไหว้ แต่ตำรวจเพียงบางคนบางกลุ่มเท่านั้นที่ใช้อำนาจโดยมิชอบ ให้คุณให้โทษกับประชาชนอย่างไม่ซื่อตรง กลับกลายเป็นมะเร็งร้ายขององค์กร สุภาษิตโบราณ 'ปลาเน่าตัวเดียว เหม็นไปทั้งข้อง' ยังใช้ได้ดีอยู่เสมอ และเมื่อตำรวจทุกคนใส่เครื่องแบบอย่างเดียวกันทั้งหมด เชื่อว่าหลายๆคนจึงเกิดความลังเลใจที่จะยกมือไหว้บุคคลที่แต่งกายในเครื่องแบบตำรวจ
เหตุการณ์กลุ่มวัยรุ่นที่อ้างตัวว่าเป็นลูกตำรวจ ทำร้ายชายพิการเสียชีวิต เป็นเรื่องเศร้าที่น่าหดหู่ของสังคมไทย (การอ้างตัวเองว่าเป็นลูกของใคร ไม่ได้พิสูจน์เลยว่าคนๆนั้นมีความสามารถพิเศษอะไร นอกเสียจากการยืมจมูกคนอื่นหายใจและนำความอับอายไปสู่บุพการี ว่าเลี้ยงลูกจนอายุขนาดนี้ ทำไมยังยืนอยู่บนขาตัวเองไม่ได้) เมื่อเหตุการณ์ที่เลวร้ายได้เกิดขึ้นแล้ว ผู้ที่จงใจกระทำการอันขัดต่อกฏหมายบ้านเมือง หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องรับผิดชอบ ชดใช้กรรมที่ตนเองได้ก่อขึ้น แม้จะต้องติดคุกติดตารางตลอดชีวิต ก็ต้องก้มหน้ายิมรับผิด ตามพยานหลักฐานที่พอจะสามารถคืนความยุติธรรมให้กับครอบครัวของผู้สูญเสียได้
แต่การถูกจับเข้าไปขังไว้ในคุก บางคนบอกว่าหลังจากที่พ้นโทษออกมา กลับได้วิชาอาคมที่แข็งกร้าวมากกว่าเดิม กลับกลายเป็นภัยอันตรายต่อสังคมยิ่งกว่าเก่า แล้ววิธีการจัดการกับสิ่งเหล่านี้แบบเดิมๆหรือแบบไหน จะทำให้ชีวิตของคนในสังคมเราดีขึ้น
ในมุมมองของเศรษฐศาสตร์แล้ว การมีภาวะเงินเฟ้อในระดับที่เหมาะสมจะทำให้เศรษฐกิจขยายตัว ครอบครัวมีรายได้เพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกันค่าใช้จ่ายต่างๆในสังคม รวมถึงราคาสินค้าแทบทุกชนิดก็จะปรับตัวขึ้นด้วย แต่เราอาจจะไม่เคยได้ยินเรื่องการปรับขึ้นอัตราค่าปรับของผู้ที่กระทำผิด ฝ่าฝืนกฎหมาย ทั้งๆที่หลายคนมักตั้งคำถามเสมอว่า การทำความผิดร้ายแรง แต่อัตราโทษปรับและจำคุกนั้นน้อยนิด จะสามารถห้ามปรามไม่ให้บุคคลเหล่านั้นกระทำความผิดซ้ำซาก หยุดสร้างความลำบากให้สังคมได้หรือไม่
ถ้าจะลองมาดูงบประมาณ พ.ศ.2558 ของกรมราชทัณฑ์ ต้องใช้เงินมหาศาลถึง 11,300 ล้านบาท ยังไม่นับรวมกรมคุมประพฤติและอื่นๆที่เกี่ยวข้องอีกหลายพันล้านบาทต่อปี และที่น่าแปลกใจคือว่า กรมที่ดูแลนักโทษนี้ต้องกู้หนี้ยืมสินอีกนับพันล้านบาท นอกเหนือจากวงเงินงบประมาณที่ได้รับในปี 2557 เงินภาษีจำนวนนี้จะคุ้มค่ามากถ้าทำให้ปัญหาสังคมของคนไทยลดลงต่อเนื่องทุกปีๆ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นอาจตรงกันข้ามยิ่งเมื่อมีข่าวออกมาว่าเกิดปัญหานักโทษล้นคุกเมื่อไม่นานมานี้
จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่คนที่เคยติดคุกบางคนกล่าวว่า ถึงแม้ชีวิตในแดนขังจะไม่ได้สุขสบาย แต่สำหรับบางคน บางทีมันอาจจะไม่ได้ลำบากเหมือนการใช้ชีวิตอยู่ด้านนอก มีที่นอนที่พัก มีห้องน้ำห้องท่า ถึงเวลามีอาหารให้รับประทาน แม้จะโดนจำกัดสิทธิ์ไปบ้างแต่ก็ดูครบถ้วนบริบูรณ์ ข้อเสียอย่างเดียวที่ต้องอยู่ในคุกสำหรับคนเหล่านี้ที่เขาบอกคือไม่ได้ 'เงิน'
- การปรับขึ้นอัตราโทษปรับให้สะท้อนภาวะการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ
- การเรียกเก็บเบี้ยปรับตามฐานะทางเศรษฐกิจของผู้ที่กระทำความผิด
- การเพิ่มโทษและเบี้ยปรับให้กับคนในครอบครัวหรือคนที่เขารัก
ในเมื่อราคาข้าวปลาอาหาร ค่าน้ำค่าไฟ ค่าจ้างพี่เลี้ยงผู้คุม ค่าซ่อมแซมอาคารสถานที่ ต่างชวนกันพาเหรดกันขึ้นราคามาอย่างต่อเนื่อง เพียงเราปรับเพิ่มโทษให้กับผู้ที่สร้างความเดือดร้อนให้กับสังคม โดยเฉพาะถ้าเป็นคนร่ำคนรวย และยิ่งถ้ากระผิดร้ายแรง อัตราค่าปรับนั้นจะต้องทวีคูณ เป็นต้น
ในประเทศอังกฤษ ถ้าหากคุณดื่มเหล้าเมา แล้วขับรถโดนตำรวจจับ ความผิดจะตามไปถึงผู้ที่เป็นเจ้าของสถานที่หรือเจ้าของบ้าน ที่ละเลยปล่อยให้คนๆนั้นขับรถออกมาจากสถานที่ของคุณและอาจส่งผลร้ายที่ไม่อาจหวนคืนต่อสังคมได้
หลายๆครั้งผู้ที่กระทำความผิดมักจะไม่ได้คิดเป็นห่วงตนเองที่จะต้องรับโทษเท่าไรนัก แต่หากเป็นคนในครอบครัวที่เขารักต้องได้รับโทษด้วย แม้แต่ผู้ก่อการร้ายก็คงจะมีความยับยั้งชั่งใจก่อนกระทำการใดๆได้บ้าง และน่าจะทำให้คนที่รักเขาต้องคอยอบรมบ่มเพาะไม่ให้เขาไปก่อเหตุร้ายในสังคมได้ ดังที่เราจะเห็นจากซีรีย์ฝรั่งหรือละครไทย ซึ่งล้วนสร้างมาจากความเป็นจริงทั้งสิ้น
จะดีกว่าไหม ถ้าในที่สุดเราสามารถลดงบประมาณส่วนนี้ที่มาจากภาษีของคนทำมาหากินอย่างสุจริต ลงได้แม้เพียงครึ่งหนึ่ง โดยเรียกเก็บเงินค่าปรับจากคนที่กระทำผิดเพื่อนำมาใช้ดูแลพวกเขาเอง (ยิ่งรวยแล้วทำผิด ยิ่งปรับแพง) แล้วนำเงินไปใช้จ่ายกับคนที่ตกทุกข์ได้ยาก คนด้อยโอกาสของสังคมจริงๆ ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม แทนที่จะตำน้ำพริกละลายแม่น้ำกับเงินจำนวนกว่าหนึ่งหมื่นล้านบาทต่อปี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น