ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานี้
เราได้ยินได้ฟังข่าวคราวเกี่ยวกับการทำร้ายนักท่องเที่ยวในประเทศไทยมาแล้วไม่ต่ำกว่า
4-5 ครั้ง ทั้งจากกลุ่มวัยรุ่นที่คึกคะนองบ้าง จากคนเมาสุราบ้าง
จากแรงงานต่างด้าวบ้าง จากกรณีของรถแท็กซี่บ้าง ซึ่งหลายครั้งเป็นเหตุที่นำไปสู่การสูญเสียชีวิต
ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่ไม่น่าให้อภัย แต่คนไทยต้องจำใจทน
จากการคาดการณ์ของสหประชาชาติ(UN) ประเทศที่มีประชากรมากกว่า 1 ล้านคน ในโลกใบนี้มีอยู่ 157 ประเทศ ส่วนที่เหลือเป็นประเทศเล็กบ้าง เป็นหมู่เกาะน้อยใหญ่บ้าง ซึ่งแต่ละประเทศมีประชากรหลักหมื่น-หลักแสนคนเท่านั้น ส่วนประเทศที่มีประชากรมากที่สุด 5 อันแรกของโลก คือ 1.ประเทศจีน มีประชากรจำนวน 1,300 กว่าล้านคน 2.รองลงมาคืออินเดีย 1,200 กว่าล้านคน 3.สหรัฐอเมริกา 300 กว่าล้านคน 4.อินโดนิเชีย เพื่อนบ้านอาเซียนเราเอง มีประชากรประมาน 250 ล้านคน และ 5.ประเทศบราซิล มีประชากรอยู่ราวๆ 200 ล้านคน
ที่ต้องไล่เรียงจำนวนประเทศในโลกโดยจะขอนับเฉพาะ 157 ประเทศ ที่มีประชากรเกินกว่า 1 ล้านคนนั้น เพื่อที่จะบอกเป็นนัยว่าในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ คนไทยได้ทำร้ายนักท่องเที่ยว หรือทำลายลูกค้าไปแล้ว 4-5 คน จาก 157 ครอบครัว โดยนับเฉพาะที่เป็นข่าวคราวใหญ่โต นักท่องเที่ยวจากประเทศอังกฤษเคราะห์ร้ายโดนเข้าไปหนักๆถึง 2 ครั้ง 2 ครา และกรณีล่าสุด แท็กซี่ล่อลวงสาวพม่า และนักท่องเที่ยวบราซิลไปข่มขืน
ไม่ว่าเราจะโทษพิษของสุรา โทษพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของนักท่องเที่ยว หรือโทษความไร้สำนึกของคนไทยบางคนบางกลุ่มก็ตามที แต่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและผู้นำ จำเป็นต้องรีบแก้ไขและป้องกันปัญหาเหล่านี้อย่างเร่งด่วนและเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นคนไทยและประเทศไทยอาจจะถูกเปรียบเทียบกับสุภาษิตโบราณ ที่ยังใช้ได้ดีเสมอ คือ 'ปลาเน่าตัวเดียว เหม็นไปทั้งข้อง'
เราคงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ในสังคมไทยนั้นมีคนไทยบางกลุ่มที่ไร้สำนึกต่อส่วนรวม ทำตัวเป็นอันธพาล จนถึงขั้นทำร้ายนักท่องเที่ยวหรือแม้แต่ทำร้ายคนไทยด้วยกันเอง การดื่มสุราและเสพย์ยาเสพติด ยิ่งทำให้พวกเขากล้าทำในสิ่งที่เลวร้ายโดยขาดสติปราศจากการยั้งคิด กระทั่งทำให้นักท่องเที่ยวต้องสูญสิ้นทรัพย์สิน สูญเสียชีวิต หรือแม้แต่จิตใจที่บางครั้งไม่อาจเยียวยากลับมาให้เป็นเหมือนเดิมได้
หากเราลองย้อนนึกดูว่าถ้าเป็นตัวเราเอง ได้เลือกที่จะเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศเพื่อพักผ่อนกับเพื่อนฝูง ให้รางวัลชีวิตกับตัวเองและครอบครัว แต่ต้องมาเจอเรื่องทำร้ายร่างกาย จี้ ปล้น ตบทรัพย์ ในประเทศที่ไม่มีคนรู้จัก มิหนำซ้ำยังพูดคุยกันคนละภาษา สภาพกายและใจของเราในเวลานั้นจะย่ำแย่ขนาดไหน แต่เหตุการณ์เลวร้ายเหล่านี้ดันมาเกิดขึ้นในประเทศของเรา ในแผ่นดินของเรา
บางคนอาจบอกว่าเวลาที่เราไปต่างประเทศก็โดนลักทรัพย์ โดนโกง ประเทศยุโรปก็ดูถูกคนเอเชียต่างๆนาๆ ทุกที่ก็มีอันธพาลเหมือนกันหมด แต่คำพูดเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้เราสบายใจขึ้นว่า เหตุการณ์แบบนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นปกติทั่วโลก
ในทางตรงกันข้าม จะดีกว่าไหมถ้าประเทศของเราจะขอเป็นผู้นำสักครั้ง ที่พร้อมประกาศกร้าวโดยไม่แคร์ Donald Trump และไม่สนใจ คิม จอง อึน ว่า เรารับประกันความปลอดภัยนักท่องเที่ยวทุกคนบนพื้นฐานของความมีเหตุมีผล และเราจะไม่ยอมให้คนไทยคนไหนไปทำร้ายนักท่องเที่ยวโดยเด็ดขาด ยกเว้นกรณีป้องกันตัวเท่านั้น
สำหรับนักท่องเที่ยวที่ถูกโกงถูกทำร้าย ภาครัฐและอาจรวมถึงเอกชนจะขอยื่นมือเข้าช่วยและให้สิทธิประโยชน์กับเขาอย่างดีที่สุด
พี่ๆคนขับรถสาธารณะ ทั้งรถแท็กซี่ รถเมล์ รถมอเตอร์ไซค์ รถสามล้อ ที่จะมีโอกาสเข้าถึงลูกค้าทั้งคนไทยและชาวต่างชาติโดยตรง ต้องถือว่าเป็น 'ทูตชาวบ้าน' ที่จะต้องคอยต้อนรับและให้บริการลูกค้าอย่างสุดฝีมือ เพราะพี่ๆเหล่านี้จะสามารถสร้างความประทับใจด่านแรก หรือที่ฝรั่งเรียกว่า first impression เกี่ยวกับคนไทยและประเทศไทยให้กับชาวโลกได้เป็นอย่างดี
แต่เป็นที่น่าเสียใจที่เราจะเห็นคนขับรถบางคน โกงมิเตอร์บ้าง ขับอ้อมบ้าง จี้ชิงทรัพย์บ้าง หรือกระทั่งลวงไปข่มขืน ซึ่งนับว่าเป็นการทำลายชื่อเสียงประเทศชาติ ที่คนดีคนอื่นๆเขาช่วยกันสร้างสมเอาไว้มาอย่างยาวนาน
โดยทฤษฎีแล้ว ถ้าผู้ให้บริการสามารถทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจ ลูกค้ามีโอกาสที่จะบอกต่อคนที่เขารู้จักเพียง 1-2 คน หรืออาจจะไม่บอกต่อเลยด้วยซ้ำ แต่ถ้าเขามีความรู้สึกไม่ดี ไม่ประทับใจกับผู้ให้บริการแล้ว เขาจะบอกต่อสิ่งไม่ดีเหล่านั้นให้คนอื่นรับรู้มากกว่า 10 คน โดยเฉพาะในโลกยุคปัจจุบันที่ผู้คนสื่อสารกันผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ social media มีอิทธิพลต่อคนทั้งโลกสูงมาก
เรามักจะเห็นข้อความวิพากษ์วิจารณ์ตัวสินค้าหรือบริการของบริษัทนั้นๆแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว แต่คำชื่นชมนั้นนานๆทีถึงจะได้เห็นผ่านตาบ้าง ซึ่งในทางธุรกิจนั้นถือว่าเป็นต้นทุนที่มีค่าสูงลิ่ว
เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ
เช่น กรมการขนส่ง สามารถเข้ามามีบทบาทสำคัญในการฝึกอบรมบ่มเพาะให้พี่ๆคนขับรถสาธารณะมีจิตใจรักการบริการ
ยิ้มแย้ม ซื่อสัตย์
ให้เขาตระหนักว่าหน้าที่ของเขานั้นเป็นวิชาชีพที่มีส่วนสำคัญกับกิจกรรมการท่องเที่ยวและการนำพารายได้เข้าประเทศ
ในอีกมุมหนึ่งจะสามารถช่วยคัดกรองเฉพาะบุคคลที่ผ่านกฎระเบียบและขั้นตอนต่างๆเท่านั้น
ที่จะได้รับการต่ออายุใบอนุญาต และทำให้ต้นทุนในการได้ใบอนุญาตมานั้นมีราคาแพง
พวกเขาก็คงจะยินดีรักษามันไว้ด้วยการบริการที่เป็นเลิศ
แม้ประเทศของเราจะมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงาม
มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ มีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ มีคนไทยที่มีน้ำใจและรอยยิ้ม แต่เหตุการณ์เลวร้ายต่างๆที่เกิดขึ้นนั้น
สื่อมวลชนต่างประเทศหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องรายงานเหตุอันน่าหดหู่ไปทั่วประเทศของเขาและอาจจะรายงานไปทั่วโลกด้วย
ดังที่เราได้เห็นเป็นข่าวที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นการสูญเสียโอกาส สูญเสียความน่าเชื่อถือของประเทศ
และจะนำไปสู่การสูญเสียรายได้ในส่วนที่ไม่ควรจะเสียอีกด้วย
ที่กล่าวมาทั้งหมดฟังดูเหมือนเป็นการบูชานักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติ แต่ความจริงแล้วเราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า ช่วงหลายปีที่ผ่านมาประเทศไทยพึ่งพารายได้จากภาคการท่องเที่ยวและการบริการ เรียกได้ว่าเป็นหัวเรี่ยวหัวแรง เป็นพระเอกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย สร้างรายได้ให้กับพ่อค้าแม่ขายชาวไทยเป็นกอบเป็นกำ และจะขยายตัวเพิ่มขึ้นตามทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต
ที่กล่าวมาทั้งหมดฟังดูเหมือนเป็นการบูชานักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติ แต่ความจริงแล้วเราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า ช่วงหลายปีที่ผ่านมาประเทศไทยพึ่งพารายได้จากภาคการท่องเที่ยวและการบริการ เรียกได้ว่าเป็นหัวเรี่ยวหัวแรง เป็นพระเอกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย สร้างรายได้ให้กับพ่อค้าแม่ขายชาวไทยเป็นกอบเป็นกำ และจะขยายตัวเพิ่มขึ้นตามทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต
ในเมื่อเขา(นักท่องเที่ยว) มีทางเลือกอีก 200 กว่าทาง(ประเทศ)ให้ไป แต่เมื่อเขาเลือกเราแล้ว
เราจะไม่รักษาเขาไว้ให้ดี
จะยอมให้เขาและพรรคพวกไปอยู่กับผู้ให้บริการรายอื่นง่ายๆอย่างนั้นหรือ
ต้องถามใจคนไทยทุกคนดู
แทนที่จะมาแสร้งปลอบใจกันเองว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเหตุที่เกิดขึ้นได้ทุกที่ทั่วโลก จะดีกว่าไหม ถ้าเราหันมาช่วยกันวางแผนป้องกันไม่ให้มีใครฉ้อโกง ทำร้ายนักท่องเที่ยว หรือทำลายชื่อเสียงของท้องถิ่นและประเทศชาติ ช่วยกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบที่ผ่านมาขึ้นอีกไม่ว่าผลกรรมจะตกกับคนไทยหรือชาวต่างชาติก็ตาม
แต่เมื่อมันเกิดขึ้นไปแล้ว เจ้าหน้าที่รัฐระดับผู้บริหาร สามารถเป็นผู้นำที่จะทำทุกวิถีทาง ทั้งเยียวยา ทั้งดูแล และให้สิทธิต่างๆกับเขาเหล่านั้น เพื่อที่จะสามารถกอบกู้ชื่อเสียงและความไว้วางใจกลับมาให้กับประเทศไทยได้บ้างก็ยังดี ถ้าไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร ให้ลองไปแอบดูโรงแรม 5 ดาว ที่ดูแลแขก เอาใจลูกค้าเวลาที่เกิดความไม่พึงพอใจในการบริการเท่านั้นเอง
โดย จัฐสิพศ เลิศชัยประเสริฐ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น