วันพุธที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ไฟของ กทม.

จัฐสิพศ เลิศชัยประเสริฐ

หากทุกท่านยังคงจำได้ เมื่อช่วงปีใหม่ 2559 กรุงเทพมหานคร โดยท่านผู้ว่าฯ ได้ประดับตกแต่งไฟLED บริเวณลานคนเมือง ด้านหน้าศาลาว่าการกรุงเทพฯ หรือ เสาชิงช้า เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ให้เดินทางมาเยี่ยมชม ถ่ายภาพ และเกิดการจับจ่ายใช้สอย ซึ่งประโยชน์จะตกอยู่กับชาว กทม. โดยเฉพาะพ่อค้าแม่ขายทั้งหลาย

โดยเจตนาของท่านผู้ว่าฯ น่าจะเป็นเจตนาที่ดี ที่บริสุทธิ์ แต่ด้วยงบประมาณและวิธีการดำเนินงานต่างๆนั้น ทำให้หลายฝ่ายอดเคลือบแคลงใจไม่ได้ว่า "ไฟ 39 ล้าน" มีที่มาที่ไปอย่างไร บางคนอาจกล่าวเชิงประชดประชันบนหลักคณิตศาสตร์ว่า ถ้ามีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชม 1 ล้านคน ก็จะคิดเป็นค่าใช้จ่ายต่อหัวที่ 39 บาท ถ้า 10 ล้านคน ก็จะตกอยู่เพียงคนละ 3.90 บาทเท่านั้น  ซึ่งฟังดูแล้วเป็นตัวเลขที่ไม่สูงเลย เมื่อเปรียบเทียบกับสิ่งที่นักท่องเที่ยวได้รับ และเม็ดเงินที่กระจายไปสู่พ่อค้า-แม่ค้า คนกทม.

หลายท่านคงอดสงสัยไม่ได้ว่า เงิน 39 ล้านบาท ที่นำไปใช้จัดไฟเพียงชั่วครั้งชั่วคราวนั้น มันคุ้มค่าหรือไม่? ผมคิดว่าเงินจำนวน 39 ล้านบาท น่าจะนำไปใช้ได้คุ้มค่ากว่านี้ ไปใช้ในสิ่งที่เกิดการพัฒนา เกิดการเปลี่ยนแปลง และมีความถาวร สอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศ ที่วางตัวเองเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค (logistics hub)  และเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว (tourist destination) น่าจะเป็นประโยชน์ในระยะยาวมากกว่า

ท่านผู้ว่าฯ สามารถจะใช้งบประมาณส่วนหนึ่งจาก 39 ล้านบาทนี้ เป็นแรงกระตุ้น เป็นแรงบันดาลใจให้ทั้ง 50 เขตใน กทม. แข่งขันกับปรับปรุงสภาพแวดล้อม (ภายใต้งบประมาณของเขต) โดยเฉพาะการกำจัดขยะมูลฝอยตามท้องถนน บนทางเท้า ตามแม่น้ำลำคลองและในที่สาธารณะ ไม่ใช่ปล่อยให้มีเศษขยะ ถุงพลาสติกลอยเกลื่อนไปทั่วเมือง แม้แต่เขตชั้นในของ กทม.

ผมขอเสนอทางเลือก โดยให้ท่านผู้ว่าฯ ตั้งทีมขึ้นมาเพื่อให้คะแนน เขตที่ชนะเลิศ 3 อันดับแรก ต้องได้รับรางวัลแห่งความทุ่มเทเพื่อส่วนรวม และควรเป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่ ที่ทั้งทีมได้รับร่วมกัน ไม่ใช่แต่เฉพาะผู้บริหารเขตเท่านั้น เพื่อให้เป็นแรงผลักดันในปีถัดๆไป ให้ทุกคนทุกเขตทุ่มเทเพื่อประโยชน์ของบ้านเมืองมากขึ้นกว่าเดิม ผมคิดว่าวิธีใช้งบประมาณในลักษณะนี้ ด้วยเงิน 39 ล้านบาท น่าจะนำไปใช้ได้อยู่หลายปี ซึ่งจะเป็นหน้าตาให้กับประเทศ หรือแม้แต่ตัวท่านผู้ว่าฯเอง ให้ต่างชาติเขายกย่องประเทศไทยในทางที่ดี และหวังว่าสักวันหนึ่งเมืองหลวงของเราจะ สะอาด งามตา น่าชม เหมือนเมืองอื่นๆในประเทศที่พัฒนาแล้วกับเขาบ้าง

เมื่อประเทศของเราไม่ได้รวยล้นฟ้า เงินตราพิมพ์เองไม่ได้ การจัดลำดับความสำคัญของการใช้เงินที่มีอยู่จำกัดจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการใช้เงินก้อนนั้นให้เป็นประโยชน์กับคนส่วนมาก และควรเป็นการใช้เงินที่สามารถก่อให้เกิดรายได้กับพี่น้องประชาชนในระยะยาว แบบนี้สิครับถึงจะได้เป็นท่านผู้ว่าฯ ที่ไม่ถูกว่า.....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น