หนึ่งปีผ่านไป จากวันที่สูญเสียครั้งยิ่งใหญ่
หนึ่งปีผ่านไป จากวันที่หัวใจไทยแตกสลาย
หนึ่งปีผ่านไป จากวันที่ประเทศไทย ไม่มีในหลวง...
คนที่ไม่ได้เกิดเป็นคนไทยในสมัยรัชกาลที่ 9 คงอดสงสัยไม่ได้...ว่าทำไมคนไทย ถึงรักในหลวง
บ้างอาจบอกว่า เพราะเด็กๆจะถูกผู้ใหญ่ปลูกฝัง ให้ไหว้ ให้รักในหลวง
บ้างก็บอกว่า เพราะคนในสังคมเขาทำกัน ทั้งที่โรงเรียน ทั้งที่ทำงาน เราก็เลยคล้อยตามเขาไป
บ้างก็บอกว่า เพราะเขาให้เราดูข่าวพระราชสำนักทุกวัน ซึ่งจะฉายพร้อมกันทุกช่อง (ในสมัยก่อนที่มีแต่ฟรีทีวี) ในเวลาประมาณ 2 ทุ่ม ซึ่งในทางการตลาดถือว่าเป็นช่วงเวลาไพรม์ไทม์ (prime time) คือเป็นช่วงเวลาที่จะมีคนเปิดทีวีดูมากที่สุดของแต่ละวัน เมื่อดูข่าวในหลวงมากเข้าๆ ก็กลายเป็นความคุ้นเคยที่ขาดไม่ได้
แต่ทั้งหมดที่กล่าวมา สำหรับผมและใครอีกหลายคน มันไม่ใช่เลย..
ไม่เคยมีใครสอนให้ผมแสดงความเคารพ กราบไหว้ในหลวง
หลายคนคงไม่ใช่คนที่เลือกทำอะไรเพียงเพราะ... คนอื่นเขาทำกัน
และต้องสารภาพว่า ผมไม่เคยดูข่าวตอน 2 ทุ่มเลย
ทั้งๆที่ไม่เคยมีใครบอกให้เราต้องไหว้ในหลวง แต่ผมกลับเห็นคนจำนวนมากพร้อมน้อมกราบแนบฝ่าพระบาท ผมเข้าใจว่าคนไทยแสดงความเคารพให้กับความดี และแสดงความภักดีต่อการเสียสละเพื่อส่วนรวม
ทั้งๆที่ไม่เคยดูข่าวราชสำนัก แต่ผมคิดว่าถ้าในหลวงไม่เสด็จไปทรงงานจริงๆแล้ว จะมีภาพจากไหนที่นำมาฉายได้วันแล้ววันเล่า โดยเฉพาะภาพจากถิ่นทุระกันดารที่ประจักษ์ต่อสายตาคนไทยทุกคน ซึ่งทั้งหมดนี้มันมากมายจนสามารถจัดเป็นนิทรรศการให้ลูกหลานได้เรียนรู้ศึกษาไม่มีวันหมด
ทั้งๆที่สามารถเลือกใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบายดั่งพระราชา แต่หากเหลียวมองผ่านรั้วเข้าไปในพระราชวังจิตรลดา ภาพที่เห็นกลับเป็นโรงเรือนทดลอง อุปกรณ์สิ่งของสาธิต เพื่อสร้างงานสร้างอาชีพให้กับราษฎรสิริรวม 4,685 โครงการ
บนโลกใบนี้จะมีอีกสักคนไหม.. ที่ทำงานด้วยปัญญาและหัวใจ เพื่อคนอื่นได้มากมายขนาดนี้
สำหรับผม ปราศจากความสงสัยเลยว่า ทำไมในหลวงถึงเป็นที่รัก..ของคนไทยทั้งชาติ
เพราะในหลวงคิดถึงคนอื่น มากกว่าคิดถึงตัวเอง
เพราะในหลวงรักราษฎรและประเทศชาติ
เพราะในหลวงเป็นตัวแทนของความดี
เพราะในหลวงเป็นแบบฉบับของความกตัญญู
เพราะในหลวงเหนื่อยล้ามามาก ลำบากเพื่อเราคนไทยทุกๆคน
ถ้าจะใช้คำให้เข้ากับยุคสมัย คือ ในหลวงเป็นแบบอย่างของคำว่า 'ยิ่งให้ ยิ่งได้' โดยแท้จริง
ถ้าในหลวงไม่ใช่ผู้ให้ ไม่ใช่ผู้เสียสละที่ยิ่งใหญ่แล้ว คนไทยคงไม่ได้เห็นวิธีคิด วิธีปฏิบัติของในหลวง ดังเช่นประโยคนี้
"ข้าพเจ้าเสียเวลายื่นปริญญาบัตรให้บัณฑิตคนละ 6-7 วินาที แต่ผู้ได้รับนั้นมีความสุขเป็นปีๆและตลอดไป เปรียบกันไม่ได้เลย... และที่สำคัญไปกว่านั้น ผู้ที่สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรีนั้นสำคัญมาก เพราะบางคนไม่มีโอกาสศึกษาในระดับปริญญาโท ปริญญาเอก อีกแล้ว... ข้าพเจ้าจะขอพระราชทานปริญญาบัตรให้แก่ บัณฑิตปริญญาตรี ไปจนกว่าจะไม่มีแรง"
แม้วันนี้ภาพในอดีตจะตราตรึงอยู่ในความทรงจำของเราอย่างไรก็ตาม...
แต่จริยวัตรอันงดงามตามฐานคติ 'ประหยัด เรียบง่าย ได้ประโยชน์สูงสุด'ของในหลวง จะไม่มีให้รุ่นเราได้เชิดชู ไม่มีให้รุ่นลูกได้เรียนรู้ ไม่มีให้รุ่นหลานได้น้อมรับอีกต่อไปแล้ว ไม่มีอีกแล้วจริงๆ
ธ สถิตในดวงใจนิรันดร
จัฐสิพศ เลิศชัยประเสริฐ
ทั้งๆที่ไม่เคยดูข่าวราชสำนัก แต่ผมคิดว่าถ้าในหลวงไม่เสด็จไปทรงงานจริงๆแล้ว จะมีภาพจากไหนที่นำมาฉายได้วันแล้ววันเล่า โดยเฉพาะภาพจากถิ่นทุระกันดารที่ประจักษ์ต่อสายตาคนไทยทุกคน ซึ่งทั้งหมดนี้มันมากมายจนสามารถจัดเป็นนิทรรศการให้ลูกหลานได้เรียนรู้ศึกษาไม่มีวันหมด
ทั้งๆที่สามารถเลือกใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบายดั่งพระราชา แต่หากเหลียวมองผ่านรั้วเข้าไปในพระราชวังจิตรลดา ภาพที่เห็นกลับเป็นโรงเรือนทดลอง อุปกรณ์สิ่งของสาธิต เพื่อสร้างงานสร้างอาชีพให้กับราษฎรสิริรวม 4,685 โครงการ
บนโลกใบนี้จะมีอีกสักคนไหม.. ที่ทำงานด้วยปัญญาและหัวใจ เพื่อคนอื่นได้มากมายขนาดนี้
สำหรับผม ปราศจากความสงสัยเลยว่า ทำไมในหลวงถึงเป็นที่รัก..ของคนไทยทั้งชาติ
เพราะในหลวงคิดถึงคนอื่น มากกว่าคิดถึงตัวเอง
เพราะในหลวงรักราษฎรและประเทศชาติ
เพราะในหลวงเป็นตัวแทนของความดี
เพราะในหลวงเป็นแบบฉบับของความกตัญญู
เพราะในหลวงเหนื่อยล้ามามาก ลำบากเพื่อเราคนไทยทุกๆคน
ถ้าจะใช้คำให้เข้ากับยุคสมัย คือ ในหลวงเป็นแบบอย่างของคำว่า 'ยิ่งให้ ยิ่งได้' โดยแท้จริง
ถ้าในหลวงไม่ใช่ผู้ให้ ไม่ใช่ผู้เสียสละที่ยิ่งใหญ่แล้ว คนไทยคงไม่ได้เห็นวิธีคิด วิธีปฏิบัติของในหลวง ดังเช่นประโยคนี้
"ข้าพเจ้าเสียเวลายื่นปริญญาบัตรให้บัณฑิตคนละ 6-7 วินาที แต่ผู้ได้รับนั้นมีความสุขเป็นปีๆและตลอดไป เปรียบกันไม่ได้เลย... และที่สำคัญไปกว่านั้น ผู้ที่สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรีนั้นสำคัญมาก เพราะบางคนไม่มีโอกาสศึกษาในระดับปริญญาโท ปริญญาเอก อีกแล้ว... ข้าพเจ้าจะขอพระราชทานปริญญาบัตรให้แก่ บัณฑิตปริญญาตรี ไปจนกว่าจะไม่มีแรง"
แม้วันนี้ภาพในอดีตจะตราตรึงอยู่ในความทรงจำของเราอย่างไรก็ตาม...
แต่จริยวัตรอันงดงามตามฐานคติ 'ประหยัด เรียบง่าย ได้ประโยชน์สูงสุด'ของในหลวง จะไม่มีให้รุ่นเราได้เชิดชู ไม่มีให้รุ่นลูกได้เรียนรู้ ไม่มีให้รุ่นหลานได้น้อมรับอีกต่อไปแล้ว ไม่มีอีกแล้วจริงๆ
ธ สถิตในดวงใจนิรันดร
จัฐสิพศ เลิศชัยประเสริฐ

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น