วันจันทร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2560

My King and the billionaires

พระราชากับมหาเศรษฐี


ถ้าพูดถึง Bill Gates เจ้าของโปรแกรม Microsoft มหาเศรษฐีเบอร์ 1 คงมีไม่กี่คนบนโลกที่ไม่รู้จักเขา

มหาเศรษฐีท่านนี้เคยกล่าวว่า 'ให้คนขี้เกียจทำงานยากๆ เพราะเขาจะหาทางง่ายๆเพื่อทำงานนั้นให้สำเร็จ'

พระราชาเคยสอนว่า เราไม่สามารถทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ แต่ต้องส่งเสริมให้คนดีปกครองบ้านเมือง และป้องกันไม่ให้คนไม่ดีมีอำนาจ ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้

กิจการมุ่งหมายผลประโยชน์บริษัท ส่วนราชการมุ่งมั่นประโยชน์สุขส่วนรวม

ทั้ง 2 ประโยค คือคนละเรื่องเดียวกัน ระหว่างพระราชากับมหาเศรษฐี


ถ้าพูดถึง Warren Buffet นักลงทุน มหาเศรษฐีอันดับ 2 ของโลก คงมีไม่กี่คนบนโลกนี้ที่ไม่รู้จักเขา
มหาเศรษฐีท่านนี้เคยกล่าวว่า 'อย่าวัดความลึกของแม่น้ำด้วยเท้าทั้ง 2 ข้าง'

พระราชาเคยสอนว่า 'เกษตรทฤษฎีใหม่' ให้ทำแบบผสมผสาน จัดสรรหลายอย่างในที่ดินหนึ่งผืน มิใช่ปลูกพืชชนิดใดชนิดหนึ่งอย่างเดียว

การลงทุนในธุรกิจมีความเสี่ยง เฉกเช่นเดียวกับการประกอบอาชีพของราษฎร ต้องมีภูมิคุ้มกันจากความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

ทั้ง 2 ประโยค คือคนละเรื่องเดียวกัน ระหว่างพระราชากับมหาเศรษฐี


ถ้าพูดถึง Steve Jobs มหาเศรษฐีแอปเปิ้ล ผู้ประดิษฐ์ iphone ipad คงมีไม่กี่คนบนโลกที่ไม่รู้จักเขา
มหาเศรษฐีท่านนี้เคยกล่าวไว้ว่า 'จงกระหายที่จะเรียนรู้พัฒนาตน เสมือนหนึ่งคนโง่ตลอดเวลา'

พระราชาเคยสอนว่า ให้ใฝ่รู้กับสิ่งที่ไม่รู้ ให้ปรับปรุงตัวด้วยความเพียรตลอดเวลา และกระหายในการทำดี แม้จะไม่มีใครรู้เห็นแต่ก็จำเป็นต้องทำ แม้มันจะยากและเห็นผลช้าแต่ก็จำเป็นต้องทำ เพราะหาไม่แล้ว ความชั่วซึ่งทำได้ง่ายจะเข้ามาแทนที่โดยไม่ทันรู้สึกตัว

ไม่ว่าเราคือใครก็ตาม ความใฝ่รู้คือคุณสมบัติของผู้สำเร็จ แต่ชัยชนะแบบเบ็จเสร็จต้องใช้ความรู้และความดีเคียงคู่กัน

ทั้ง 2 ประโยค คือคนละเรื่องเดียวกัน ระหว่างพระราชากับมหาเศรษฐี


กลับมาที่ บิล เกตส์ มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลก ครั้งหนึ่งเคยกล่าวว่า 'เขาเข้าใจถ้าคุณมีความต้องการเงินนับล้านเหรียญ แต่เมื่อคุณได้มันมาแล้ว เขาจะบอกว่าส่วนเกินจากนั้นมันก็เหมือนเดิม ไม่น่าตื่นเต้นอีกต่อไป'

ด้วยเหตุผลนี้เราจึงเห็นบิล เกตส์ สละทรัพย์เพื่อการกุศล ซึ่งไม่ได้ทำให้เขามีน้อยลง ตรงกันข้ามเขากลับร่ำรวยทั้งเงินทองและจิตใจอย่างยาวนาน

พระราชาเคยสอนว่า ให้รู้จักพอประมาณ ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 'Sufficiency Economy' ซึ่งจะก่อให้เกิดความสุขแก่ตนเองและครอบครัวอย่างยั่งยืน

และยังสอดคล้องกับอมตะวาจาของ มหาตมะ คานธี ที่กล่าวไว้อย่างลึกซึ้งว่า 'โลกใบนี้มีทรัพยากรเพียงพอต่อความจำเป็นของทุกคน หาใช่ความละโมภไม่'

ทั้ง 3 ประโยค กลายเป็นคนละเรื่องเดียวกัน ระหว่างพระราชา มหาเศรษฐี และมหาตมะ คานธี นักสู้ผู้ยิ่งใหญ่ชาวอินเดียที่โลกจารึกไว้

เพียงแต่บางสิ่งที่อาจแตกต่างกันนั้นมีอยู่ 2 ประการ คือ 

1.มหาเศรษฐีเหล่านั้นแสวงหากำไรเป็นผลตอบแทนจากประโยชน์ที่เขาสร้าง 

แต่พระราชา มุ่งสร้างประโยชน์โดยผลตอบแทนนั้น เป็นเพียงความสุขที่จะได้รับจากการทำงานเพื่อผู้อื่น

2.มหาเศรษฐีเหล่านั้น หากเหนื่อยอาจพัก หากท้ออาจถอย เพราะเดิมพันเป็นผลกำไรขาดทุน ซึ่งมีผลต่อองค์กร ต่อผู้ถือหุ้น ต่อพนักงานของเขาเอง

แต่พระราชาจะท้อไม่ได้ เพราะเดิมพันนั้นสูงเหลือเกิน คือบ้านเมือง คือความสุขของคนทั้งประเทศ

ธ สถิตในดวงใจนิรันดร์
จัฐสิพศ เลิศชัยประเสริฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น