พระราชากับมหาเศรษฐี
ถ้าพูดถึง Bill
Gates เจ้าของโปรแกรม Microsoft
มหาเศรษฐีเบอร์ 1 คงมีไม่กี่คนบนโลกที่ไม่รู้จักเขา
มหาเศรษฐีท่านนี้เคยกล่าวว่า 'ให้คนขี้เกียจทำงานยากๆ
เพราะเขาจะหาทางง่ายๆเพื่อทำงานนั้นให้สำเร็จ'
พระราชาเคยสอนว่า
เราไม่สามารถทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ แต่ต้องส่งเสริมให้คนดีปกครองบ้านเมือง
และป้องกันไม่ให้คนไม่ดีมีอำนาจ ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้
กิจการมุ่งหมายผลประโยชน์บริษัท
ส่วนราชการมุ่งมั่นประโยชน์สุขส่วนรวม
ทั้ง 2 ประโยค
คือคนละเรื่องเดียวกัน ระหว่างพระราชากับมหาเศรษฐี
ถ้าพูดถึง Warren
Buffet นักลงทุน มหาเศรษฐีอันดับ 2 ของโลก
คงมีไม่กี่คนบนโลกนี้ที่ไม่รู้จักเขา
มหาเศรษฐีท่านนี้เคยกล่าวว่า 'อย่าวัดความลึกของแม่น้ำด้วยเท้าทั้ง
2 ข้าง'
พระราชาเคยสอนว่า 'เกษตรทฤษฎีใหม่' ให้ทำแบบผสมผสาน
จัดสรรหลายอย่างในที่ดินหนึ่งผืน มิใช่ปลูกพืชชนิดใดชนิดหนึ่งอย่างเดียว
การลงทุนในธุรกิจมีความเสี่ยง
เฉกเช่นเดียวกับการประกอบอาชีพของราษฎร ต้องมีภูมิคุ้มกันจากความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ทั้ง 2 ประโยค
คือคนละเรื่องเดียวกัน ระหว่างพระราชากับมหาเศรษฐี
ถ้าพูดถึง Steve Jobs มหาเศรษฐีแอปเปิ้ล ผู้ประดิษฐ์ iphone ipad คงมีไม่กี่คนบนโลกที่ไม่รู้จักเขา
มหาเศรษฐีท่านนี้เคยกล่าวไว้ว่า 'จงกระหายที่จะเรียนรู้พัฒนาตน
เสมือนหนึ่งคนโง่ตลอดเวลา'
พระราชาเคยสอนว่า ให้ใฝ่รู้กับสิ่งที่ไม่รู้ ให้ปรับปรุงตัวด้วยความเพียรตลอดเวลา และกระหายในการทำดี
แม้จะไม่มีใครรู้เห็นแต่ก็จำเป็นต้องทำ แม้มันจะยากและเห็นผลช้าแต่ก็จำเป็นต้องทำ
เพราะหาไม่แล้ว ความชั่วซึ่งทำได้ง่ายจะเข้ามาแทนที่โดยไม่ทันรู้สึกตัว
ไม่ว่าเราคือใครก็ตาม ความใฝ่รู้คือคุณสมบัติของผู้สำเร็จ
แต่ชัยชนะแบบเบ็จเสร็จต้องใช้ความรู้และความดีเคียงคู่กัน
ทั้ง 2 ประโยค
คือคนละเรื่องเดียวกัน ระหว่างพระราชากับมหาเศรษฐี
กลับมาที่ บิล เกตส์ มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลก
ครั้งหนึ่งเคยกล่าวว่า 'เขาเข้าใจถ้าคุณมีความต้องการเงินนับล้านเหรียญ แต่เมื่อคุณได้มันมาแล้ว เขาจะบอกว่าส่วนเกินจากนั้นมันก็เหมือนเดิม
ไม่น่าตื่นเต้นอีกต่อไป'
ด้วยเหตุผลนี้เราจึงเห็นบิล เกตส์ สละทรัพย์เพื่อการกุศล
ซึ่งไม่ได้ทำให้เขามีน้อยลง ตรงกันข้ามเขากลับร่ำรวยทั้งเงินทองและจิตใจอย่างยาวนาน
พระราชาเคยสอนว่า ให้รู้จักพอประมาณ ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 'Sufficiency
Economy' ซึ่งจะก่อให้เกิดความสุขแก่ตนเองและครอบครัวอย่างยั่งยืน
และยังสอดคล้องกับอมตะวาจาของ มหาตมะ คานธี ที่กล่าวไว้อย่างลึกซึ้งว่า 'โลกใบนี้มีทรัพยากรเพียงพอต่อความจำเป็นของทุกคน
หาใช่ความละโมภไม่'
ทั้ง 3 ประโยค กลายเป็นคนละเรื่องเดียวกัน ระหว่างพระราชา มหาเศรษฐี และมหาตมะ คานธี
นักสู้ผู้ยิ่งใหญ่ชาวอินเดียที่โลกจารึกไว้
เพียงแต่บางสิ่งที่อาจแตกต่างกันนั้นมีอยู่ 2 ประการ คือ
1.มหาเศรษฐีเหล่านั้นแสวงหากำไรเป็นผลตอบแทนจากประโยชน์ที่เขาสร้าง
แต่พระราชา มุ่งสร้างประโยชน์โดยผลตอบแทนนั้น เป็นเพียงความสุขที่จะได้รับจากการทำงานเพื่อผู้อื่น
2.มหาเศรษฐีเหล่านั้น หากเหนื่อยอาจพัก หากท้ออาจถอย เพราะเดิมพันเป็นผลกำไรขาดทุน ซึ่งมีผลต่อองค์กร ต่อผู้ถือหุ้น ต่อพนักงานของเขาเอง
แต่พระราชาจะท้อไม่ได้ เพราะเดิมพันนั้นสูงเหลือเกิน คือบ้านเมือง คือความสุขของคนทั้งประเทศ
ธ สถิตในดวงใจนิรันดร์
จัฐสิพศ เลิศชัยประเสริฐ