ในยุค Digital 4.0 ที่กำลังจะเปลี่ยนเป็น5.0 พรรคการเมืองที่จะครองเสียงของประชาชน ไม่สามารถทำงานแบบตั้งรับได้อีกต่อไป
ถ้าอยากจะชนะใจประชาชน ต้องทำงานเชิงรุกไม่ว่าจะมีอำนาจ ไม่มีอำนาจ หรือถูกยึดอำนาจไปก็ตาม
วันก่อนได้ดูรายการ Sutichai Live มีความเห็นหนึ่งเขียนทำนองว่า
'พรรคประชาธิปัตย์ ก็เหมือนร้านธงฟ้า รู้ว่ามีอยู่ แต่หาไม่ค่อยเจอ'
เป็นประโยคสั้นๆที่สะท้อนอะไรได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น เข้าถึงยาก จับต้องไม่ได้ ส.ส.ไม่ขยันลงพื้นที่ นโยบายไม่เด่น ผลงานไม่ชัด ฯลฯ แต่ที่แน่ๆเขาคงไม่ได้หมายความว่าหาที่ตั้งของพรรคไม่พบ
ด้วยเหตุนี้ พรรคประชาธิปัตย์ที่ถูกเย้ยว่าเป็นพรรคคนดีนั้น จึงมักได้เสียงมากในกรุงเทพ ที่ประชาชนอาจไม่ต้องหวังพึ่งความช่วยเหลือจากนโยบายของนักการเมือง
จะหวังสู้กันด้วยนโยบายกับคู่แข่ง ก็เห็นจะยาก ด้วยความเป็นพรรคแห่งหลักการ ไม่ชอบทำอะไรเกินขอบเขต กลัวเกิดความเสียหาย ไม่เร้าใจ พอถูกอีกฝ่ายเกทับ ก็ไปไหนไม่ได้
มีคนบอกว่าพรรคประชาธิปัตย์ทำการตลาดไม่เก่ง แต่ผมว่าไม่ใช่ เพราะคนที่เห็นก็เก่งทั้งนั้น เป็นระดับหัวกะทิ จบหมอ จบดอกเตอร์ จบจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก มีทั้งคนในคนนอก ฝีมือไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน สื่อก็มีเหมือนกัน หาเสียงก็ทำเหมือนกัน สื่อโซเชี่ยลมีเดียก็ใช้ด้วยกัน ป้ายก็มีพอๆกัน เผลอๆผลิตมาจากแหล่งเดียวกันด้วย
เลือกตั้งครั้งหน้า แม้จะมีวัยรุ่นจำนวนหลายล้านคนจะเพิ่งมีสิทธิ์ลงคะแนนครั้งแรก เสียงส่วนใหญ่ก็ยังบอกว่าพรรคเพื่อไทยจะมาเป็นที่หนึ่ง (ทุกพรรคก็หวังคะแนนจากคนกลุ่มนี้ทั้งนั้น และทุ่มสรรพกำลังเพื่อเรียกคะแนนจากกลุ่มนี้พอๆกัน)
เดือนก่อนเห็นรายการทีวีมีโลโก้คล้ายพรรคการเมือง นอกจากรายการนั้นแล้ว นึกขึ้นได้ว่ายังมีอีกรายการหนึ่งชื่อรายการ 'ปลดหนี้' ที่เห็นมานานหลายปี
โลโก้อาจดูบังเอิญคล้าย แต่ผมคิดว่าน่าจะตั้งใจเหมือน เนียนมากๆ รายการซึ่งออกอากาศช่อง7 ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2544 จนถึงปัจจุบัน เป็นช่องที่มีเรตติ้งในต่างจังหวัดสูงที่สุด และรายการมีแต่เสียงตอบรับในทางที่ดีถึงได้อยู่มายาวนาน หากจะมีใครปลดรายการนี้ คงต้องเป็นคนที่กล้าขึ้นภาษีVat
แทบทุกวิธีการที่จะทำให้ได้คะแนนเสียง ทุกพรรคก็น่าจะทำกันมาหมดแล้ว จะใช้วิธีแบบประธานาธิบดีทรัมป์ ล้วงเอาข้อมูลรายบุคคลมาวิเคราะห์ ก็รู้วิธีการกันหมดแล้ว ถ้าไม่ใช่คนแรกที่ทำ เพียงแต่คิดจะทำแบบเดิมให้หนักขึ้น แต่หวังผลที่แตกต่าง ไม่น่าจะใช่เรื่องง่าย
ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามาเป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินชีวิต เราจะใช้วิธีการใดที่แปลกใหม่ได้บ้าง.??
สมัยก่อนบนรถแทบทุกคันต้องเปิด จส.100 โดยเฉพาะเวลารถติดแบบไม่ขยับ จส.100 เสมือนเป็นที่พึ่งในยามไร้ความหวัง
หลายปีก่อนเคยคิดว่า พรรคการเมืองต้องมีแผนกหนึ่งที่ทำเหมือน จส.100 แต่รับแก้ทุกปัญหาของประชาชน ไม่ใช่เฉพาะเรื่องบนท้องถนน
ที่มามาจากหลายปีก่อนลูกค้าที่จะเข้ามาติดต่อบริษัทบอกว่า หายากมากเพราะตัวอักษรบนป้ายซอยมันเลือนไปหมดแล้ว ผมจึงต้องทำอะไรสักอย่าง เลยไปติดต่อเขตเองว่า มีแผนจะซ่อมแซมหรือจะแก้ไขอย่างไรได้บ้าง คำตอบคือ ไม่มีแผนและแก้ไขอะไรให้ไม่ได้ ผมเลยบอกเขาไปว่า ถ้าอย่างนั้นผมจะเอาสีไปทาป้ายเองก่อนเลยได้ไหมเพราะเป็นเรื่องเร่งด่วน เขาจึงบอกว่าได้ โชคดีที่บริษัทมีพนักงานที่สามารถปีนป่ายป้าย ซึ่งเป็นสาธารณะสมบัติ (public goods) เพื่อทาสีให้กลับมาใช้การได้ตามปกติ ปัญหานี้จึงหมดไป
แต่มาวันนี้ไม่แน่ใจว่ามีเด็กรุ่นใหม่กี่คนที่รู้จัก จส.100 เพราะผมเองก็ไม่ได้ฟังมานานแล้ว เมื่อมีเทคโนโลยีใหม่ๆอย่างเช่น Google Map ที่ไม่ได้บอกเฉพาะว่ารถติดยาวแค่ไหน แต่บอกเส้นทางเลี่ยงที่เร็วกว่าสำหรับคนที่ไม่ต้องรู้เส้นทางนั้นมาก่อนเลย
พรรคการเมือง5.0 ต้องลงทุน platform online ที่ไม่ว่าจะอยู่จังหวัดไหนในประเทศไทย ประชาชนก็สามารถแจ้งปัญหาเข้าไปได้ โดยที่ไม่ต้องรู้จักหรือมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับส.ส.ในพื้นที่เลย ลักษณะเหมือน Shopping Online แต่เปลี่ยนเป็น Problem Online
ในสังคมไทยคงมีคนที่พบเห็นปัญหาส่วนรวมมากมาย แต่ละพื้นที่ปัญหาก็จะแตกต่างกันไป แม้หลายคนอยากให้มันถูกแก้ไขให้ดีขึ้น แต่ไม่รู้จะไปแจ้งใคร ใครเป็นคนรับผิดชอบ และไม่คิดว่าถ้าสละเวลาไปแจ้งแล้ว ตามระบบของราชการ เจ้าหน้าที่รัฐจะออกแรงจัดการแก้ไขอะไรให้หรือไม่ ปัญหาเหล่านี้ทุกคนคงทราบดี เพราะฉะนั้นตัวแทนของพรรคการเมืองนี่แหละ ที่พอจะมีความรู้ มีความสามารถ ในระดับที่หน่วยงานของรัฐจะเร่งรีบดำเนินการอะไรบางอย่างให้ได้
ประชาชนจากทั่วประเทศจะส่งข้อมูลเข้าไปในระบบส่วนกลาง ระบบแจ้งไปยัง ส.ส.ในพื้นที่เขตหรืออำเภอนั้นๆ ทำแบบนี้นอกจากข้อมูลที่จะได้แล้ว ยังจะทราบปัญหารวดเร็วกว่า และติดต่อประชาชนคนนั้นๆได้ทันที
อาจเริ่มจากปัญหาส่วนรวมง่ายๆ ที่ไม่เกี่ยวกับนโยบายหรือปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น ถนนชำรุด ป้ายชำรุด ไฟฟ้า ประปา แสงสว่าง สิ่งกีดขวาง ที่อยู่ในพื้นที่และเป็นสมบัติสาธารณะ (public goods) หรือแม้แต่อุบัติเหตุร้ายแรงก็ช่วยเร่งประสานงานให้รวดเร็วขึ้นได้
เพราะฉะนั้น ในระบบนี้ตัวแทนของพรรคการเมืองต้องจัดลำดับความสำคัญ รู้ว่าสิ่งไหนแก้ปัญหาให้ได้ต้องรีบทำ สิ่งไหนเกินขอบเขตหรืองบประมาณ ก็ควรรีบประสานงาน มีกำหนดวันที่แน่นอน คอยติดตาม และแจ้งให้ประชาชนผู้ใช้ระบบรับทราบ ไม่เช่นนั้นจะเป็นผลเสียต่อตัวแทนของพรรคคนนั้นๆ หรือแม้แต่เสียชื่อพรรคการเมืองเอง
พื้นฐานของระบบไม่ต่างไปจากเว็บไซต์ e-commerce คือต้องมีการลงทะเบียนยืนยันตัวตน ใช้เลขประจำตัวประชาชนคนไทย เบอร์โทรศัพท์มือถือ หรือสามารถ Log in ผ่าน facebook เป็นต้น ระบบจะสามารถระบุตำแหน่งของผู้ใช้จาก GPS และติดตามตัวผู้ใช้คนนั้นๆได้
ผู้ใช้ต้องระบุจังหวัด อำเภอ ตำบล ชื่อถนน ปัญหาที่พบและต้องการแก้ไข สามารถถ่ายรูปส่งไปได้ส่วนหนึ่ง และมีระบบติดตามงานเหมือนบริษัทส่งพัสดุ เมื่อปัญหาได้รับการแก้ไขแล้วตัวแทนของพรรคการเมืองในเขตสามารถกดส่งงาน ให้คะแนนผู้ใช้ระบบ และประชาชนคนรับบริการก็เข้ามาให้เรตติ้งและความเห็นต่อผลงานได้เช่นกัน
นอกจากผู้บริหารพรรคการเมืองจะได้รับข้อมูลจำนวนมากแล้ว ยังได้รู้พฤติกรรมของตัวแทนในแต่ละพื้นที่ เกิดการแข่งขันอย่างสร้างสรรค์ระหว่างตัวแทนด้วยกันเอง เปิดโอกาสให้บุคคลที่ไม่มีคอนเนคชั่น แต่อยากอาสาตัวทำงานเพื่อส่วนรวมได้มีโอกาสสร้างประโยชน์ให้สังคมได้ ประชาชนยังเข้าไปดูคอมเม้นได้ว่าตัวแทนคนไหนเป็นอย่างไร มีผลงานอะไร ใครสามารถช่วยเขาได้จริง และอนาคตเขาจะสนับสนุนใครให้เป็นตัวแทนของเขา
ระบบขายบริการที่มีความเฉพาะเจาะจงแบบนี้ แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะหวังให้เอกชนเป็นคนทำ เพราะไม่มีแรงจูงใจในแง่ของผลกำไร นอกจากเงินลงทุนจำนวนมากในตัวระบบแล้ว ยังต้องมีค่าใช้จ่ายในการช่วยแก้ปัญหาให้ชาวบ้านอีกด้วย ระบบนี้จึงต้องหวังงบประมาณจากรัฐหรือพรรคการเมืองที่ได้งบสนับสนุนตามกฏหมาย
ในระบบนี้พรรคใหญ่จะได้เปรียบ เพราะมีทั้งทุน มีเครือข่าย มีตัวแทนครอบคลุมทุกพื้นที่ มีประสบการณ์ และมีคอนเน็คชั่นหรือบารมีกับหน่วยราชการทุกระดับ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการแก้ปัญหาเร่งด่วนให้กับประชาชน
แน่นอนการลงพื้นที่ยังมีความสำคัญอยู่ แต่จะมีสักกี่คนที่เข้าถึงทุกพื้นที่และรับรู้ปัญหาของประชาชนทั้งหมด มันไม่ใช่ยุคของการลงพื้นที่อย่างเดียวแล้วหวังจะได้เสียงข้างมาก
มันไม่ใช่ยุคที่เบอร์2 จะทำแบบเดียวกับเบอร์1 (ไม่ว่าจะเป็นวิธีที่ถูกหรือผิด) แล้วหวังจะแซงหน้าไปได้
มันไม่ใช่ยุคที่จะมาบอกข้อเสียของอีกฝ่าย แล้วหวังให้คนฟังหันมาคบเรา
มันไม่ใช่ยุคที่จะมาโทษว่าอีกฝ่ายใช้วิธีที่ผิดเลยได้รับชัยชนะ
นายกทักษิณชนะใจคนส่วนมาก เพราะสร้างสนามบินใหม่(สุวรรณภูมิ)ได้ แบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน
โดนัล ทรัมป์ พลิกล็อคได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐ เพราะเขาใช้ประโยชน์จาก Big data อย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน
ถ้าจะครองเสียงข้างมากได้ ทางเดียวที่ต้องทำ คือ ทำในสิ่งที่ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น