วันพฤหัสบดีที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2561

พรรคการเมืองกับการ shopping online

ในยุค Digital 4.0 ที่กำลังจะเปลี่ยนเป็น5.0 พรรคการเมืองที่จะครองเสียงของประชาชน ไม่สามารถทำงานแบบตั้งรับได้อีกต่อไป

ถ้าอยากจะชนะใจประชาชน ต้องทำงานเชิงรุกไม่ว่าจะมีอำนาจ ไม่มีอำนาจ หรือถูกยึดอำนาจไปก็ตาม

วันก่อนได้ดูรายการ Sutichai Live มีความเห็นหนึ่งเขียนทำนองว่า

'พรรคประชาธิปัตย์ ก็เหมือนร้านธงฟ้า รู้ว่ามีอยู่ แต่หาไม่ค่อยเจอ'

เป็นประโยคสั้นๆที่สะท้อนอะไรได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น เข้าถึงยาก จับต้องไม่ได้ ส.ส.ไม่ขยันลงพื้นที่ นโยบายไม่เด่น ผลงานไม่ชัด ฯลฯ แต่ที่แน่ๆเขาคงไม่ได้หมายความว่าหาที่ตั้งของพรรคไม่พบ

ด้วยเหตุนี้ พรรคประชาธิปัตย์ที่ถูกเย้ยว่าเป็นพรรคคนดีนั้น จึงมักได้เสียงมากในกรุงเทพ ที่ประชาชนอาจไม่ต้องหวังพึ่งความช่วยเหลือจากนโยบายของนักการเมือง

จะหวังสู้กันด้วยนโยบายกับคู่แข่ง ก็เห็นจะยาก ด้วยความเป็นพรรคแห่งหลักการ ไม่ชอบทำอะไรเกินขอบเขต กลัวเกิดความเสียหาย ไม่เร้าใจ พอถูกอีกฝ่ายเกทับ ก็ไปไหนไม่ได้

มีคนบอกว่าพรรคประชาธิปัตย์ทำการตลาดไม่เก่ง แต่ผมว่าไม่ใช่ เพราะคนที่เห็นก็เก่งทั้งนั้น เป็นระดับหัวกะทิ จบหมอ จบดอกเตอร์ จบจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก มีทั้งคนในคนนอก ฝีมือไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน สื่อก็มีเหมือนกัน หาเสียงก็ทำเหมือนกัน สื่อโซเชี่ยลมีเดียก็ใช้ด้วยกัน ป้ายก็มีพอๆกัน เผลอๆผลิตมาจากแหล่งเดียวกันด้วย

เลือกตั้งครั้งหน้า แม้จะมีวัยรุ่นจำนวนหลายล้านคนจะเพิ่งมีสิทธิ์ลงคะแนนครั้งแรก เสียงส่วนใหญ่ก็ยังบอกว่าพรรคเพื่อไทยจะมาเป็นที่หนึ่ง (ทุกพรรคก็หวังคะแนนจากคนกลุ่มนี้ทั้งนั้น และทุ่มสรรพกำลังเพื่อเรียกคะแนนจากกลุ่มนี้พอๆกัน)

เดือนก่อนเห็นรายการทีวีมีโลโก้คล้ายพรรคการเมือง นอกจากรายการนั้นแล้ว นึกขึ้นได้ว่ายังมีอีกรายการหนึ่งชื่อรายการ 'ปลดหนี้' ที่เห็นมานานหลายปี


โลโก้อาจดูบังเอิญคล้าย แต่ผมคิดว่าน่าจะตั้งใจเหมือน เนียนมากๆ รายการซึ่งออกอากาศช่อง7 ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2544 จนถึงปัจจุบัน เป็นช่องที่มีเรตติ้งในต่างจังหวัดสูงที่สุด และรายการมีแต่เสียงตอบรับในทางที่ดีถึงได้อยู่มายาวนาน หากจะมีใครปลดรายการนี้ คงต้องเป็นคนที่กล้าขึ้นภาษีVat


แทบทุกวิธีการที่จะทำให้ได้คะแนนเสียง ทุกพรรคก็น่าจะทำกันมาหมดแล้ว จะใช้วิธีแบบประธานาธิบดีทรัมป์ ล้วงเอาข้อมูลรายบุคคลมาวิเคราะห์ ก็รู้วิธีการกันหมดแล้ว ถ้าไม่ใช่คนแรกที่ทำ เพียงแต่คิดจะทำแบบเดิมให้หนักขึ้น แต่หวังผลที่แตกต่าง ไม่น่าจะใช่เรื่องง่าย

ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามาเป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินชีวิต เราจะใช้วิธีการใดที่แปลกใหม่ได้บ้าง.??

สมัยก่อนบนรถแทบทุกคันต้องเปิด จส.100 โดยเฉพาะเวลารถติดแบบไม่ขยับ จส.100 เสมือนเป็นที่พึ่งในยามไร้ความหวัง

หลายปีก่อนเคยคิดว่า พรรคการเมืองต้องมีแผนกหนึ่งที่ทำเหมือน จส.100 แต่รับแก้ทุกปัญหาของประชาชน ไม่ใช่เฉพาะเรื่องบนท้องถนน

ที่มามาจากหลายปีก่อนลูกค้าที่จะเข้ามาติดต่อบริษัทบอกว่า หายากมากเพราะตัวอักษรบนป้ายซอยมันเลือนไปหมดแล้ว ผมจึงต้องทำอะไรสักอย่าง เลยไปติดต่อเขตเองว่า มีแผนจะซ่อมแซมหรือจะแก้ไขอย่างไรได้บ้าง คำตอบคือ ไม่มีแผนและแก้ไขอะไรให้ไม่ได้ ผมเลยบอกเขาไปว่า ถ้าอย่างนั้นผมจะเอาสีไปทาป้ายเองก่อนเลยได้ไหมเพราะเป็นเรื่องเร่งด่วน เขาจึงบอกว่าได้ โชคดีที่บริษัทมีพนักงานที่สามารถปีนป่ายป้าย ซึ่งเป็นสาธารณะสมบัติ (public goods) เพื่อทาสีให้กลับมาใช้การได้ตามปกติ ปัญหานี้จึงหมดไป

แต่มาวันนี้ไม่แน่ใจว่ามีเด็กรุ่นใหม่กี่คนที่รู้จัก จส.100 เพราะผมเองก็ไม่ได้ฟังมานานแล้ว เมื่อมีเทคโนโลยีใหม่ๆอย่างเช่น Google Map ที่ไม่ได้บอกเฉพาะว่ารถติดยาวแค่ไหน แต่บอกเส้นทางเลี่ยงที่เร็วกว่าสำหรับคนที่ไม่ต้องรู้เส้นทางนั้นมาก่อนเลย

พรรคการเมือง5.0 ต้องลงทุน platform online ที่ไม่ว่าจะอยู่จังหวัดไหนในประเทศไทย ประชาชนก็สามารถแจ้งปัญหาเข้าไปได้ โดยที่ไม่ต้องรู้จักหรือมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับส.ส.ในพื้นที่เลย ลักษณะเหมือน Shopping Online แต่เปลี่ยนเป็น Problem Online

ในสังคมไทยคงมีคนที่พบเห็นปัญหาส่วนรวมมากมาย แต่ละพื้นที่ปัญหาก็จะแตกต่างกันไป แม้หลายคนอยากให้มันถูกแก้ไขให้ดีขึ้น แต่ไม่รู้จะไปแจ้งใคร ใครเป็นคนรับผิดชอบ และไม่คิดว่าถ้าสละเวลาไปแจ้งแล้ว ตามระบบของราชการ เจ้าหน้าที่รัฐจะออกแรงจัดการแก้ไขอะไรให้หรือไม่ ปัญหาเหล่านี้ทุกคนคงทราบดี เพราะฉะนั้นตัวแทนของพรรคการเมืองนี่แหละ ที่พอจะมีความรู้ มีความสามารถ ในระดับที่หน่วยงานของรัฐจะเร่งรีบดำเนินการอะไรบางอย่างให้ได้

ประชาชนจากทั่วประเทศจะส่งข้อมูลเข้าไปในระบบส่วนกลาง ระบบแจ้งไปยัง ส.ส.ในพื้นที่เขตหรืออำเภอนั้นๆ ทำแบบนี้นอกจากข้อมูลที่จะได้แล้ว ยังจะทราบปัญหารวดเร็วกว่า และติดต่อประชาชนคนนั้นๆได้ทันที

อาจเริ่มจากปัญหาส่วนรวมง่ายๆ ที่ไม่เกี่ยวกับนโยบายหรือปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น ถนนชำรุด ป้ายชำรุด ไฟฟ้า ประปา แสงสว่าง สิ่งกีดขวาง ที่อยู่ในพื้นที่และเป็นสมบัติสาธารณะ (public goods) หรือแม้แต่อุบัติเหตุร้ายแรงก็ช่วยเร่งประสานงานให้รวดเร็วขึ้นได้

เพราะฉะนั้น ในระบบนี้ตัวแทนของพรรคการเมืองต้องจัดลำดับความสำคัญ รู้ว่าสิ่งไหนแก้ปัญหาให้ได้ต้องรีบทำ สิ่งไหนเกินขอบเขตหรืองบประมาณ ก็ควรรีบประสานงาน มีกำหนดวันที่แน่นอน คอยติดตาม และแจ้งให้ประชาชนผู้ใช้ระบบรับทราบ ไม่เช่นนั้นจะเป็นผลเสียต่อตัวแทนของพรรคคนนั้นๆ หรือแม้แต่เสียชื่อพรรคการเมืองเอง

พื้นฐานของระบบไม่ต่างไปจากเว็บไซต์ e-commerce คือต้องมีการลงทะเบียนยืนยันตัวตน ใช้เลขประจำตัวประชาชนคนไทย เบอร์โทรศัพท์มือถือ หรือสามารถ Log in ผ่าน facebook เป็นต้น ระบบจะสามารถระบุตำแหน่งของผู้ใช้จาก GPS และติดตามตัวผู้ใช้คนนั้นๆได้

ผู้ใช้ต้องระบุจังหวัด อำเภอ ตำบล ชื่อถนน ปัญหาที่พบและต้องการแก้ไข สามารถถ่ายรูปส่งไปได้ส่วนหนึ่ง และมีระบบติดตามงานเหมือนบริษัทส่งพัสดุ เมื่อปัญหาได้รับการแก้ไขแล้วตัวแทนของพรรคการเมืองในเขตสามารถกดส่งงาน ให้คะแนนผู้ใช้ระบบ และประชาชนคนรับบริการก็เข้ามาให้เรตติ้งและความเห็นต่อผลงานได้เช่นกัน

นอกจากผู้บริหารพรรคการเมืองจะได้รับข้อมูลจำนวนมากแล้ว ยังได้รู้พฤติกรรมของตัวแทนในแต่ละพื้นที่ เกิดการแข่งขันอย่างสร้างสรรค์ระหว่างตัวแทนด้วยกันเอง เปิดโอกาสให้บุคคลที่ไม่มีคอนเนคชั่น แต่อยากอาสาตัวทำงานเพื่อส่วนรวมได้มีโอกาสสร้างประโยชน์ให้สังคมได้ ประชาชนยังเข้าไปดูคอมเม้นได้ว่าตัวแทนคนไหนเป็นอย่างไร มีผลงานอะไร ใครสามารถช่วยเขาได้จริง และอนาคตเขาจะสนับสนุนใครให้เป็นตัวแทนของเขา

ระบบขายบริการที่มีความเฉพาะเจาะจงแบบนี้ แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะหวังให้เอกชนเป็นคนทำ เพราะไม่มีแรงจูงใจในแง่ของผลกำไร นอกจากเงินลงทุนจำนวนมากในตัวระบบแล้ว ยังต้องมีค่าใช้จ่ายในการช่วยแก้ปัญหาให้ชาวบ้านอีกด้วย ระบบนี้จึงต้องหวังงบประมาณจากรัฐหรือพรรคการเมืองที่ได้งบสนับสนุนตามกฏหมาย

ในระบบนี้พรรคใหญ่จะได้เปรียบ เพราะมีทั้งทุน มีเครือข่าย มีตัวแทนครอบคลุมทุกพื้นที่ มีประสบการณ์ และมีคอนเน็คชั่นหรือบารมีกับหน่วยราชการทุกระดับ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการแก้ปัญหาเร่งด่วนให้กับประชาชน

แน่นอนการลงพื้นที่ยังมีความสำคัญอยู่ แต่จะมีสักกี่คนที่เข้าถึงทุกพื้นที่และรับรู้ปัญหาของประชาชนทั้งหมด มันไม่ใช่ยุคของการลงพื้นที่อย่างเดียวแล้วหวังจะได้เสียงข้างมาก

มันไม่ใช่ยุคที่เบอร์2 จะทำแบบเดียวกับเบอร์1 (ไม่ว่าจะเป็นวิธีที่ถูกหรือผิด) แล้วหวังจะแซงหน้าไปได้

มันไม่ใช่ยุคที่จะมาบอกข้อเสียของอีกฝ่าย แล้วหวังให้คนฟังหันมาคบเรา

มันไม่ใช่ยุคที่จะมาโทษว่าอีกฝ่ายใช้วิธีที่ผิดเลยได้รับชัยชนะ

นายกทักษิณชนะใจคนส่วนมาก เพราะสร้างสนามบินใหม่(สุวรรณภูมิ)ได้ แบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน

โดนัล ทรัมป์ พลิกล็อคได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐ เพราะเขาใช้ประโยชน์จาก Big data อย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน

ถ้าจะครองเสียงข้างมากได้ ทางเดียวที่ต้องทำ คือ ทำในสิ่งที่ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน

วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2561

3 เผื่อ.. เผื่อใช้ เผื่อเป็น เผื่อเจอ

ในยุคที่เทคโนโลยีและอุตสากรรมได้รับการพัฒนาให้ล้ำสมัยอย่างที่หลายคนคาดไม่ถึงมาก่อน

ในยุคที่การแพทย์เจริญก้าวหน้า โดยคนในอนาคตอาจมีอายุเฉลี่ย 90-100 ปี

ในยุคที่สภาพภูมิอากาศแปรเปลี่ยนไป ฤดูกาลไม่เป็นไปตามที่เคยเป็นเช่นในอดีต

ในยุคที่เราไม่รู้ว่ากระแสของความเปลี่ยนแปลง จะมาทำลายสิ่งที่เราเป็นและสิ่งที่เรามีหรือไม่ เมื่อไรและอย่างไร

ไม่ว่าอะไรจะเกิดหรือไม่เกิดขึ้น สิ่งที่คนไทยควรมี คือ ภูมิคุ้มกัน 3 เผื่อ ซึ่งการที่จะเผื่อได้นั้น หมายความว่า จะต้องมีพร้อมก่อนถึงเวลาที่จำเป็นต้องใช้

หลัก 3 เผื่อ.. เผื่อใช้ เผื่อเป็น เผื่อเจอ

1.เผื่อใช้ (ความรู้ ความสัมพันธ์ และ เงิน)

- เผื่อใช้ความรู้

ความรู้ หรือ ทักษะ บางอย่างเราจำเป็นต้องมีติดตัวไว้ โดยที่เราไม่อาจล่วงรู้หรอกว่าจะได้ใช้มันหรือไม่ เช่น การว่ายน้ำ การขับรถ เป็นต้น

ความรู้ในสาขาอื่นที่ไม่เกี่ยวกับอาชีพที่เราทำอยู่โดยตรงก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะวันใดวันหนึ่งสิ่งที่เราถนัด อาจถูกทดแทนด้วยเครื่องจักรหรือเทคโนโลยี อย่างที่เราไม่เคยจินตนาการมาก่อนเลย

เหมือนกับที่มีคนบอกว่า คนรวยไม่พึ่งพารายได้จากช่องทางเดียว หมายความว่าคนที่มีรายได้สูงนั้น จะต้องมีทักษะมากกว่าคนทั่วๆไป ปัจจุบันมีคลังความรู้รอให้ทุกคนศึกษามากมายและเข้าถึงง่าย มีงานอบรมสัมนาและคอร์สเรียนทั้งฟรีและเสียเงินให้เลือกได้ตามความชอบ

นักวิเคราะห์หลายคนได้บอกไว้ด้วยว่า ในอนาคตบริษัทต่างๆจะต้องการคนที่มีความรู้หลากหลาย ทำงานได้หลายอย่างและซับซ้อนมาขึ้น มากกว่าคนที่เก่งเพียงด้านเดียวเพราะมีโอกาสที่จะถูกทดแทนด้วยเทคโนโลยี่ได้ง่าย

- เผื่อใช้ความสัมพันธ์

ความสัมพันธ์ หรือ คอนเน็คชั่น พอฟังคำนี้หลายคนมีความคิดติดลบ (ซึ่งเราไม่ได้สนับสนุนให้ใช้คอนเน็คชั่นในแง่ลบ) แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสมอไป ถ้า..ไม่ได้นำไปใช้ในทางที่ผิด เช่น หากคุณรู้จักเจ้าของร้านอาหาร คุณอาจได้ส่วนลดราคาพิเศษ ในขณะที่เจ้าของก็ได้กำไร และอาจจะได้มากขึ้นจากการใช้บริการประจำของลูกค้า โดยที่ไม่ได้ไปเบียดเบียนใคร

ธุรกิจที่เติบใหญ่มาก็ล้วนมีที่มาจากการมีความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคนทำธุรกิจด้วยกัน จนมีคำกล่าวว่า การสัมภาษณ์นักธุรกิจทุกคนนั้น มีหนึ่งเคล็ดลับสู่ความสำเร็จซึ่งไม่มีใครเคยบอก คือ คอนเน็คชั่น

ด้วยเหตุนี้จึงมีสมาคมการค้า ชมรมต่างๆเกิดขึ้นมากมายตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน การรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนของสมาชิก ส่งเสริมการทำธุรกิจการค้าระหว่างกัน พึ่งพาอาศัยกันในเรื่องที่จำเป็น โดยเฉพาะในยามที่มีคนเดือดร้อน ก็จะได้รับความช่วยเหลือจากสายสัมพันธ์อันแนบแน่นที่ได้สร้างขึ้นมาเป็นระยะเวลานาน

- เผื่อใช้เงิน

ปฏิเสธไม่ได้ว่า เงิน คือปัจจัยที่สำคัญในการดำรงชีพยุคปัจจุบันและอนาคต เงินอาจจะไม่สำคัญสำหรับบางคน แต่คนมีเงินย่อมมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าคนไม่มีอย่างแน่นอน มีเงินแล้วจะมีความสุขหรือไม่อยู่ที่เจ้าของเงิน แต่ถ้าไม่มีเงินมันทุกข์แน่

เงินจะสำคัญสำหรับคุณหรือไม่ แต่คุณต้องมีเงิน และมีมากพอสำหรับเหตุการณ์ต่างๆที่อาจเกิดขึ้นและสำหรับวันที่คุณไม่มีรายได้แล้ว บางคนชอบใช้เงินหรือชอบท่องเที่ยว ก็ต้องหาเงินและเก็บออมให้ได้มากกว่าปกติ

การเกษียณในอนาคตอาจหมายถึงช่วงอายุ 70 ปี แต่ลองสังเกตเศรษฐีส่วนมาก เขามักจะทำงานแบบไม่มีวันเกษียณ มีการคาดการณ์ว่าในอนาคตมนุษย์จำนวนมากจะมีอายุยืนถึง 100 ปี นั่นแสดงว่า คุณจะต้องวางแผนการใช้ชีวิตอีกราวๆ 30 ปีนับจากวันที่ไม่มีรายได้หลักแล้ว

ในยามที่มีพละกำลังเหลือเฟือ คนไทยจึงควรทำงานหนัก วางแผนเก็บออม และหาช่องทางลงทุนให้ผลตอบแทนงอกเงย เพื่อมีเงินเก็บไว้เผื่อใช้ในอนาคต

2.เผื่อเป็น (โรค และ ผู้นำ)

เผื่อเป็นโรค

มนุษย์ทุกคนล้วนมีชีวิตอยู่บนความไม่แน่นอน นอนหลับไปตื่นขึ้นมาอาจพบว่าป่วยเป็นโรคร้ายแรง หรืออาจนอนหลับไปแล้วไม่ตื่นอีกเลย

นักวางแผนทางการเงินจึงบอกว่า ก่อนที่จะเริ่มสร้างความมั่งคั่ง จะต้องอุดรอยรั่วที่มีอยู่เสียก่อน นั่นคือการทำประกันให้กับตัวเองและครอบครัว

ไม่มีใครรู้ว่าอุบัติเหตุจะเกิดขึ้นเมื่อไร โรคร้ายแรงแต่ละชนิดจะต้องใช้ค่ารักษาเท่าไรถึงจะหาย นอกจากควรต้องทำประกันเผื่อไว้แล้ว การออกกำลังกายและการเลือกทานอาหารก็เป็นสิ่งที่จำเป็นไม่แพ้กัน

บริษัทประกันไม่รับทำให้กับคนป่วยฉันใด ร่างกายที่ทรุดโทรมก็ยากที่จะรักษาได้ฉันนั้น เพราะฉะนั้น การรักษาสุขภาพ จำเป็นต้องเริ่มทำตั้งแต่วันที่ร่างกายยังสุขสบายและแข็งแรงดีอยู่

ต้องเริ่มออกกำลังกายตั้งแต่วันที่ยังไม่มีใครมาบังคับให้ทำ เพราะหากรอให้ถึงวันที่จำเป็นต้องทำมันอาจสายเกินไปแล้ว

เผื่อเป็นผู้นำ

วันใดวันหนึ่งในชีวิตคนเรานั้น อาจได้เป็นผู้นำครอบครัวหรือผู้นำองค์กร ซึ่งกว่าจะไปถึงวันนั้นคงไม่ใช่เรื่องง่าย หลายครั้งมันถูกกำหนดและวางแผนเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว

การเผื่อเป็นผู้นำ จึงข้องเกี่ยวกับการเผื่อใช้ความรู้ อย่างแยกไม่ออก

Oprah Winfrey พิธีกรชื่อดังของสหรัฐเคยกล่าวว่า "Luck is a matter of preparation meeting opportunity" แปลง่ายๆว่า โชค = ความพร้อม + โอกาส

ไม่มีใครล่วงรู้ว่าโอกาสจะมาหาตัวเมื่อไร และมาบ่อยแต่ไหน แต่ถ้าคุณได้เตรียมความพร้อมไว้อยู่แล้ว ทุกครั้งที่โอกาสผ่านเข้ามา ก็จะสามารถคว้าและใช้มันไปสู่ความสำเร็จได้

เมื่อถึงวันที่คุณขึ้นเป็นใหญ่ โดยธรรมชาติจะมีคนที่คอยตรวจสอบและติดตามการทำงานของคุณ การเตรียมความพร้อมวิธีหนึ่งที่ดีที่สุด คือ การทำประวัติให้ใสสะอาดและมีความประพฤติดีตลอดชีวิตของคุณนั่นเอง ซึ่งมันจะค่อยๆกลายมาเป็นนิสัยที่ดีของคุณโดยไม่รู้ตัว

3.เผื่อเจอ (ภัยพิบัติ)

นับวันโลกของเราจะประสบภัยพิบัติถี่ขึ้นและรุนแรงขึ้น สำหรับคนไทยที่พอเข้าหน้าฝนทีไร ก็อดหวั่นไหวกับปัญหาอุทกภัยไม่ได้ทุกที แต่เมื่อผ่านฤดูฝนไปแล้ว กลับต้องพบเจอภัยแล้งซ้ำแล้วซ้ำอีก

ฝนฟ้าดูจะไม่ตกต้องตามฤดูกาล มาเร็วและแรงกว่าปกติ แม้ภาครัฐจะคอยเตือนและให้คำแนะนำอย่างไร คนไทยก็ต้องดูแลและสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเอง โดยต้องเผื่อไว้เสมอว่า อาจจะเจอภัยพิบัติได้ทุกปี

ในขณะที่โรงงานและอาคารสูงมีมาตราการป้องกันอัคคีภัย มีระบบดับเพลิงอัตโนมัติ มีถังดับเพลิง ซักซ้อมการหนีไฟ ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าเหตุร้ายจะเกิดเมื่อใด แต่ต้องคิดเผื่อว่ามันอาจเกิดได้

คนไทยคงต้องคิดเผื่อว่าอาจจะเจอน้ำท่วมได้ทุกปี เพราะฉะนั้น ในช่วงหน้าแล้งสามารถเตรียมตัวขุดลอกคลองได้ มีเครื่องสูบน้ำที่ช่วยระบายน้ำได้เร็วขึ้น ที่ไหนมีพื้นที่ว่างก็สามารถขุดบ่อไว้รอรับน้ำที่กำลังจะมาในหน้าฝน และอาจกักเก็บน้ำไว้ใช้ได้เป็นระยะเวลานาน บ้านเรือนจะต้องปลูกสร้างให้แข็งแรงกว่าสมัยโบราณสักหน่อยและมีความสอดคล้องกับสภาพพื้นที่

ทำมากทำน้อยแค่ไหน เจ้าของพื้นที่นั้นจะบอกได้ดีที่สุด แน่นอนสิ่งเหล่านี้อาจต้องมีการลงทุนบ้าง แต่มันคือการทำทีเดียวแล้วใช้ประโยชน์ได้ระยะยาว ซึ่งอาจจะเทียบไม่ได้เลยกับมูลค่าของความเสียหายที่เกิดขึ้น ทั้งในแง่ของวัตถุและจิตใจ

เพราะบางอย่างสูยเสียไป สามารถหาใหม่ได้ง่าย บางอย่างสูญเสียไป ใช้เวลานานกว่าจะหาใหม่ได้ บางอย่างสูญเสียไป แต่ไม่มีอะไรสามารถทดแทนได้

สรุป คือ หลัก 3 เผื่อ.. เผื่อใช้ เผื่อเป็น และ เผื่อเจอ จะต้องอาศัยความรู้และวินัยของแต่ละบุคคลเป็นสำคัญ นอกจากให้คำแนะนำที่หวังดี ก็ไม่มีใครสามารถบังคับให้คุณเผื่อได้ เพราะมันคือการวางแผนชีวิตในอนาคต ที่จะทำให้ตัวเองสุขสบาย ไม่เป็นภาระต่อคนอื่น และไม่ต้องหวังรอความช่วยเหลือจากภาครัฐ

จัฐสิพศ เลิศชัยประเสริฐ (18.09.18)