ในระบบเศรษฐกิจทุนนิยมเสรี ใครๆก็รู้ว่ากิจการใดที่เอกชนทำได้ ก็ปล่อยให้เขาทำไป ภาครัฐไม่ควรเข้าไปยุ่งหรือทำแข่งกับเอกชน
เพราะการบริหารงานของเอกชน ที่แสวงหากำไร มักจะมีประสิทธิภาพมากกว่าราชการเสมอ
ในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล Digital Economy - Thailand 4.0 ที่รัฐบาลพยายามผลักดันอยู่นั้น ไม่เพียงเฉพาะเอกชนเท่านั้นที่ต้องเร่งพัฒนาและปรับตัว แต่นั่นหมายรวมถึงภาครัฐและระบบราชการที่ให้บริการประชาชนด้วย
เราคงไม่ต้องเป็นห่วงภาคเอกชนเท่าไรนัก เพราะต่างฝ่ายต่างพยายามปรับตัวเพื่อให้ธุรกิจอยู่รอดในระบบเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป
ประเด็นคือ ถ้าวันนี้ประเทศไทย 4.0 แล้วราชการไทย(บางแห่ง) ได้กี่จุดแล้วตอนนี้..?
ลองสังเกตดูความแตกต่างระหว่างการให้บริการของเอกชน vs. ราชการ (บางแห่ง) ว่าเหมือนหรือต่างกันอย่างไร
1. เอกชนปิดร้านช้า - ราชการปิดร้านเร็ว
2. เอกชนสถานที่ค่อนข้างใหม่ - ราชการสถานที่ค่อนข้างเก่า
3. เอกชนคิวสั้น - ราชการคิวยาว(กว่า)
4. เอกชนเอกสารน้อย - ราชการเอกสารเยอะ
5. เอกชนถ่ายเอกสารให้ผู้ใช้บริการ - ราชการผู้ใช้บริการไปถ่ายเอกสารเอง
6. เอกชนใช้เครื่องอ่านบัตรประชาชน - ราชการไปถ่ายเอกสารบัตรประชาชนมา
7. เอกชนมีทีวีหันให้ลูกค้าดู - ราชการมีทีวีหันให้พนักงานดู
8. เอกชนกันที่จอดรถลูกค้าเยอะ - ราชการกันที่จอดรถพนักงานเยอะ
9. เอกชนเอาใจลูกค้า - ราชการเอาใจพนักงาน
10. เอกชนไปทีเดียวจบ - ราชการไปทีเดียวไม่เคยจบ
11. เอกชนมีเว็บไซต์ใช้ง่าย - ราชการมีเว็บไซต์เหมือนไม่มี
12. เอกชนไหว้ลูกค้าก่อน - ราชการไหว้พนักงานก่อน
13. เอกชนเงินเดือนเยอะพนักงานน้อย - ราชการเงินเดือนน้อยพนักงานเยอะ(กว่า)
14. เอกชนไม่มีระบบนายหน้าให้ลูกค้า - ราชการมีนายหน้ารับทำธุระให้ได้
เพื่อความเป็นธรรม ทุกคนทราบดีว่าราชการหลายหน่วยงานพัฒนาการให้บริการได้ดีไม่แพ้ภาคเอกชน หรืออาจจะดีกว่าด้วยซ้ำ ซึ่งนั้นหมายถึงงานของพนักงานจะง่ายขึ้นและน้อยลง
ในขณะเดียวกันก็ยากที่จะปฏิเสธว่า ยังมีอีกหลายแห่งที่ปรับตัวไม่ทันต่อความเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่
เพราะภาคเอกชนที่มีการแข่งขันอย่างเสรีต้องเอาลูกค้าเป็นศูนย์กลาง แต่ราชการนั้นเปรียบได้ดังธุรกิจผูกขาด จะเร็วจะช้าอย่างไรลูกค้าก็แทบไม่มีทางเลือก
ทางเลือกอาจจะเป็นการไม่ทำให้ถูกต้อง (ซึ่งเราไม่สนับสนุน) เพราะการทำให้ถูกต้องบางทีต้นทุนมันแพงเหลือเกิน
เมื่อไม่เกิดการแข่งขัน การพัฒนาก็ยากที่จะคาดหวัง
ยกเว้นแต่มีผู้นำองค์กรที่เปี่ยมด้วยวิสัยทัศน์ ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ ถ้าจะใช้ศัพท์ให้เข้ากับยุคต้อง Disrupt (old) Public Service
แม้เราเข้าใจว่าบริบทของงานราชการจะมีมิติที่ต้องคำนึงถึง เช่น ความมั่นคง ความเท่าเทียม? สาธารณะสุข กฏระเบียบที่เข้มงวด
แต่รับรองได้เลยว่า ถ้าหากราชการมีคู่แข่งในการทำงาน ประชาชนน่าจะได้รับประสบการณ์ที่ดีกว่านี้
ที่สำคัญที่สุดคือ การย่นระยะเวลาติดต่อราชการ หมายถึงการมีเวลาเพิ่มขึ้นในการสร้างงานที่เพิ่มมูลค่าของภาคเอกชน
ราชการต้องdisruptตัวเอง ไม่ใช่เพื่อไม่ให้ตกงาน แต่เพื่อทำให้ประเทศเจริญก้าวหน้าได้ดีกว่าเดิม
ราชการต้องdisruptตัวเอง ไม่ใช่เพื่อไม่ให้ตกงาน แต่เพื่อทำให้ประเทศเจริญก้าวหน้าได้ดีกว่าเดิม
จัฐสิพศ เลิศชัยประเสริฐ
(ระหว่างรอติดต่อราชการ)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น