กระแสการ disrupt ของธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อนเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
การ disrupt กิจการเหล่านี้เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว เพียงแต่ช่วงนี้เป็นช่วงที่การติดต่อสื่อสารและการกระจายข่าวเป็นไปอย่างรวดเร็วและแพร่หลาย ผ่านทาง social media นั่นเอง
ถ้ายังจำกันได้ ธุรกิจระดับโลกที่ถูก disrupt ลำดับแรกๆก็จะเป็นฟิล์มกล้องถ่ายรูป Kodak Fuji อะไรทำนองนั้น ต่อมากล้องถ่ายรูปดิจิตอลก็ถูก disrupt โดยมือถือที่ถ่ายรูปได้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกล้องมือถือ smart phone ที่มีความคมชัดสูงมาก
แต่ก่อนหน้านั้นหลายสิบปี รถไฟหัวจักรไอน้ำก็ถูก disrupt โดยรถไฟเครื่องยนต์ดีเซล และต่อมาก็ถูกแทนที่ด้วยรถไฟที่ใช้ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนแทนเครื่องยนต์
ธุรกิจรถม้าก็ถูก disrupt โดยรถที่ใช้เครื่องยนต์ ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมรูปแบบหนึ่งที่มีความสำคัญที่สุดต่อการดำรงชีวิตของมนุษยชาติ แต่ต่อไปรถยนต์ก็กำลังจะถูก disrupt โดยรถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle: EV)
โทรศัพท์สาธารณะ โทรศัพท์บ้าน รวมถึงธุรกิจมีเดียก็ถูก disrupt โดยโทรศัพท์มือถือ จนบริษัทที่ทำธุรกิจเหล่านี้ขาดทุนแต่ละปีเป็นจำนวนเงินมหาศาล ปัจจุบันโทรศัพท์มือถือก็กำลังถูก disrupt โดยอินเทอร์เน็ตและ Social media ส่งผลให้การติดต่อระหว่างกันแทบจะฟรีและสื่อสารกันได้ทั่วโลกแบบไร้พรมแดน
บริษัทเอกชนที่ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ปรับตัวได้เร็ว หันมาให้บริการdata internet 4G แทนการรอเก็บค่าบริการจากค่าใช้โทรศัพท์เพียงอย่างเดียว
หากย้อนกลับไปสมัยที่เราเป็นเด็ก เรามักจะใช้โทรศัพท์ตู้หยอดเหรียญ ที่ตั้งเรียงรายอยู่ใต้ถุนของโรงเรียน หรือตามป้ายรถเมล์ทั่วเมือง ต่อมาก็พัฒนาเป็นบัตรโทรศัพท์แทนใช้เหรียญ สมัยก่อนจึงเห็นได้ว่าการต่อคิวใช้ตู้โทรศัพท์สาธารณะนั้นเป็นเรื่องปกติ
แต่หลายครั้งเราจะเห็นตู้โทรศัพท์กลายเป็นที่ติดประกาศรับสมัครงาน ประกาศเงินกู้ด่วนทันใจ และไม่ได้รับการดูแลรักษา จนโทรศัพท์ส่วนมากจะชำรุด กลายเป็นเพียงตู้สำหรับหลบแดดหลบฝนเท่านั้น
จากการถูก disrupt อย่างรุนแรงและยาวนาน ตู้โทรศัพท์ของไทยถือได้ว่าเป็นขยะสาธารณะที่หลงเหลืออยู่มากที่สุด จนกระทั่งปัจจุบันแทบจะหายสาบสูญไปจากสายตาของเรา โดยไม่รู้เลยว่าจุดจบบั้นปลายของมันเป็นอย่างไร
ในความเป็นจริงแล้ว เมื่อยามฉุกเฉินบางครั้งตู้โทรศัพท์เหล่านี้อาจยังมีความจำเป็นสำหรับพี่น้องประชาชนที่สัญจรไปมาและประชาชนที่มีรายได้น้อยก็ได้
หากพอยังมีหลงเหลืออยู่บ้าง สามารถพัฒนาเป็นตู้หยอดเหรียญ เพื่อช๊าตโทรศัพท์มือถือสำหรับประชาชนและนักท่องเที่ยว เป็นจุดเรียกขอความช่วยเหลือ191 จุดติดตั้งกล้อง CCTV ให้พี่น้องประชาชน รวมถึงใช้เป็นป้ายแผนที่แนะนำเส้นทางการท่องเที่ยว และสถานที่ท่องเที่ยวในละแวกนั้นๆ ให้กับคนไทยและชาวต่างชาติที่เดินผ่านไปมา
โดยเฉพาะในจุดสำคัญๆของกรุงเทพมหานคร สามารถทำเป็นการนำร่องก่อนได้เลย
หลายคนฟังแล้วคงจะฉุกคิดขึ้นมาว่า มีหวังว่าอุปกรณ์เหล่านี้ต้องถูกขโมย ต้องถูกทำลาย ไม่ช้าก็เร็วแน่นอน หรืออาจจะเป็นที่แปะป้ายเงินกู้เหมือนในอดีต
แต่ถ้าเรามอบหมายให้เป็นหน้าที่ของพี่ๆคนกวาดขยะให้ดูแล ก็น่าจะขจัดปัญหาดังกล่าวไปได้ และแทนที่จะมัวแต่ตัดพ้อต่อว่า ทำไมเราไม่ช่วยกันพัฒนาความมีสำนึกต่อส่วนรวมของคนในชาติกันตั้งแต่วันนี้
อย่างไรก็ตาม ด้วยเทคโนโลยีสมัยนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผู้กระทำความผิด จะเล็ดลอดจากสายตาของเจ้าหน้าที่รัฐไปได้อย่างลอยนวล... ถ้าเขาเอาจริง